Pirelli Thailand by ATV เช็คราคายานยนต์ ออนไลน์

ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะผู้ใช้รถใช้ถนนที่มักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกวัน มีเสียชีวิตรวมในปี พ.ศ. 2566 ทะลุถึงหลักหมื่น ขณะที่ผู้บาดเจ็บมากถึงกว่าครึ่งล้านราย ซึ่งนอกเหนือไปจากสาเหตุของการขับขี่ด้วยความประมาท ยังมีเรื่องของการดูแลสภาพรถยนต์ได้ไม่ดีเพียงพอ โดยหลายคนไม่รู้ว่ายางรถยนต์ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ หรืออายุการใช้งานยางรถยนต์นั้นนานแค่ไหน เลยส่งผลให้รถยนต์เกิดอาการยางระเบิด หรือยางแตกขณะขับขี่ได้ เป็นเหตุให้มีผู้ประสบเหตุรถคว่ำมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังอันตรายไม่น้อยกว่าอาการเบรกแตกเลย ดังนั้นมาดูกันว่ามีเทคนิคการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไรบ้าง


ยางระเบิด เกิดขึ้นได้จากสาเหตุใด


ยางระเบิด เกิดขึ้นจากสาเหตุใด

ยางระเบิด คือ อาการที่เกิดจากยางรถยนต์สูญเสียแรงดันลมยางไปอย่างรวดเร็ว หรือส่วนของยางในรถยนต์สำหรับยางเก่าบางรุ่นเสียหาย ส่งผลให้รถเสียการทรงตัวและยางฉีกขาด ซึ่งหลายคนน่าจะเคยเห็นรูปยางรถแตกหรือระเบิดกันมาบ้างแล้ว โดยยางระเบิดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

ยางเสื่อมสภาพ

อาการยางเสื่อมสภาพเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาการแก้มยางร้าวแตกลายงา ยางรถยนต์ฉีกขาดลึก ยางแตกขอบ หรือ ยางบวม เป็นต้น ซึ่งหากฝืนใช้งานต่อไปมีโอกาสระเบิดขึ้นมาได้

ยางหมดอายุการใช้งาน

โดยปกติแล้วยางจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 3-5 ปี นับตั้งแต่การเริ่มใช้งาน หรือระยะทางประมาณ 30,000 – 50,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน หากถึงเวลาแล้วควรต้องเปลี่ยนให้เรียบร้อย เนื่องจากการฝืนใช้งานต่อไปอาจเป็นต้นตอของอาการรถยางแตก หรือยางระเบิดได้เช่นกัน

ขับรถเร็วเกินลิมิตของยาง

ยางแต่ละเส้นล้วนมีข้อมูลบ่งบอกอยู่ที่หน้ายาง โดยจะระบุว่าสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ ซึ่งหากผู้ขับขี่ขับด้วยความเร็วที่สูงเกินลิมิต มีโอกาสที่ยางรถร้อนและระเบิดขึ้นมาได้ การระเบิดขณะขับรถด้วยความเร็วสูงย่อมมีความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด

เช่นเดียวกับการขับรถเร็ว ยางทุกเส้นล้วนมีสัญลักษณ์บ่งบอกน้ำหนักที่บรรทุกได้ ซึ่งหากบรรทุกสิ่งของจนน้ำหนักมีมากเกินไป ยางรถยนต์มีโอกาสระเบิดได้เช่นกัน เหมือนที่เรามักเห็นรถส่งของที่บรรทุกน้ำเกินเกิดเหตุยางระเบิดขึ้นบ่อยนั่นเอง

ยางถูกย้อมแมว

ยางถูกย้อมแมวมักพบได้ในยางเปอร์เซ็นต์ หรือการซื้อยางเก่ามาสวมใส่ โดยผู้ขายอาจใช้วิธีปลอมแปลงยาง ตกแต่งแก้มยางหรือดอกยางใหม่ด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ยางขาดคุณภาพและเกิดระเบิดเมื่อใช้งาน ฉะนั้นหากใครต้องการใช้ยางมือสองควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน แต่ทางที่ดีเลือกใช้ยางมือหนึ่งจากตัวแทนแบรนด์ยางชั้นนำคือสิ่งที่ดีที่สุด

เติมลมยางไม่เหมาะสม

โดยปกติแล้วการเติมลมยางจะต้องเติมให้ได้ตามค่ามาตรฐานที่รถยนต์ระบุไว้ โดยสามารถสังเกตได้จากสติ๊กเกอร์ข้างประตูผู้ขับ ซึ่งการเติมลมยางมากเกินไปจะสร้างโอกาสให้ยางรถยนต์มีอาการสึกอย่างไม่สมดุล ขณะที่การเติมลมยางน้อยทำให้ยางเกิดความร้อนได้ ซึ่งทั้งคู่เสี่ยงนำไปสู่อาการยางระเบิดได้

เปลี่ยนยางใหม่แต่ใช้จุ๊บลมยางเก่า

หลายคนมักประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการเปลี่ยนเฉพาะยางใหม่แต่ยังคงใช้จุ๊บลมยางเก่า ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่อาการยางระเบิดได้ เนื่องจากจุ๊บลมเป็นอุปกรณ์ยางที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานเช่นกัน จุ๊บเก่าอาจมีรอยรั่วเล็กน้อยที่มองไม่เห็น ทำให้แรงดันลมยางค่อยๆ ลดลงจนเกิดความร้อนสะสมและนำไปสู่ยางระเบิดในที่สุด จึงควรเปลี่ยนจุ๊บลมใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนยาง

ยางมีความร้อนสูงจัด

ความร้อนสะสมเป็นสาเหตุหลักของยางระเบิดโดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนหรือการขับขี่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ยางที่ร้อนเกินไปจะทำให้โครงสร้างและเนื้อยางอ่อนตัว ลดความแข็งแรง และอาจเกิดการฉีกขาดได้ง่าย นอกจากนี้ถนนที่ร้อนจัดยังเพิ่มความเสี่ยงยางระเบิดได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเติมลมยางมากเกินไป ซึ่งเมื่อลมร้อนขยายตัวจะเพิ่มแรงดันและอาจทำให้ยางระเบิดได้ทันที

เหยียบของมีคม

การเหยียบวัตถุมีคมเป็นสาเหตุทั่วไปของยางระเบิด โดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ไม่ว่าจะเป็นตะปู เศษแก้ว หรือโลหะแหลมคม สิ่งเหล่านี้สามารถทิ่มทะลุเนื้อยางและทำให้เกิดการรั่วอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจไม่ได้ทำให้ยางระเบิดทันที แต่เมื่อขับต่อไป ความร้อนและแรงเสียดทานอาจทำให้รอยรั่วขยายตัวจนเกิดยางระเบิดในเวลาต่อมา จึงควรตรวจสอบยางอย่างสม่ำเสมอหากขับผ่านพื้นที่ก่อสร้าง

ขับตกหลุมกลางถนน

การขับตกหลุมหรือร่องถนนลึกด้วยความเร็วสูงสามารถทำให้เกิดยางระเบิดได้ทันที เนื่องจากแรงกระแทกที่รุนแรงทำให้โครงสร้างยางเสียหาย โดยเฉพาะบริเวณแก้มยางซึ่งมีความแข็งแรงน้อยกว่าดอกยาง หากตกหลุมแล้วรู้สึกว่ารถมีอาการผิดปกติ เช่น สั่น หรือพวงมาลัยดึง ควรจอดรถตรวจสอบทันทีเพื่อป้องกันยางระเบิดขณะขับขี่ ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้

เลือกใช้ยางเปอร์เซ็นต์

การประหยัดต้นทุนด้วยการเลือกใช้ยางเปอร์เซ็นต์อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงยางระเบิดที่สูงกว่า เนื่องจากไม่สามารถทราบประวัติการใช้งานที่แท้จริงของยาง บางเส้นอาจผ่านการซ่อมแซมหลายครั้ง หรือเก็บในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ทำให้โครงสร้างภายในเสื่อมสภาพ ยางเปอร์เซ็นต์ที่มีอายุมากเกินไปมีโอกาสยางระเบิดสูงกว่ายางใหม่หลายเท่า การประหยัดเงินในตอนแรกอาจนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงที่สูงขึ้นในภายหลัง


ลักษณะอาการก่อนยางระเบิดเป็นอย่างไร


ขับรถยนต์
หากเกิดอาการสั่นผิดปกติ หาวิธีชะลอและจอดให้เรียบร้อย

ขณะขับรถยนต์หากพบว่ามีอาการพวงมาลัยสั่นผิดปกติ ควบคุมรถได้ยาก ทั้งที่ไม่มีปัญหาช่วงล่างต่าง ๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายางอาจเกิดการระเบิดได้ ซึ่งหากพิจารณาแล้วว่ามีความเสี่ยงระเบิดควรลดความเร็วและหาจังหวะชิดข้างทาง ตรวจสอบสภาพยางให้เรียบร้อย


5 ขั้นตอนรับมือเมื่ยางระเบิดกลางทาง ป้องกันอันตรายต่อชีวิต


ขั้นตอนรับมือเมื่อยางระเบิดกลางทาง ป้องกันอันตรายต่อชีวิต

ปัญหายางระเบิดระหว่างขับ อาจไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในชีวิตเรา แต่การเรียนรู้วิธีรับมือก็เป็นเรื่องสำคัญที่คนใช้รถควรรู้ไว้ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาจะได้รับมืออย่างถูกวิธี มาดูกันว่าเราต้องเตรียมตัวอย่างไรเมื่อเจอสถานการณ์ยางระเบิดขึ้นแบบกะทันหัน 

    1. ตั้งสติสำคัญที่สุด : เมื่อยางระเบิดขึ้นมา สิ่งแรกคือจับพวงมาลัยสองมือให้มั่นคง เพราะรถจะถูกดึงไปด้านที่ยางแตก พยายามควบคุมทิศทาง และรีบเปิดไฟฉุกเฉินเตือนรถคันอื่น
    2. ค่อย ๆ ถอนคันเร่ง : ปล่อยให้รถชะลอความเร็วเอง ห้ามเหยียบเบรกหรือดึงเบรกมือเด็ดขาด เพราะรถอาจเสียหลักพลิกคว่ำได้เมื่อความเร็วสูง
    3. ประคองรถอย่างนุ่มนวล: ควบคุมทิศทางให้อยู่ในเลน หรือค่อย ๆ เคลื่อนรถเข้าไหล่ทางซ้ายเมื่อปลอดภัย สังเกตรถรอบข้างเสมอ
    4. เมื่อความเร็วลดลงมาก (ต่ำกว่า 40 กม./ชม.) : ให้มองหาที่จอดปลอดภัยที่สุด ค่อย ๆ แตะเบรกย้ำ ๆ เพื่อหยุดรถสนิท อย่าเหยียบเบรกกะทันหัน
    5. เมื่อจอดสนิทในที่ปลอดภัย : ดับเครื่อง ดึงเบรกมือ หากอยู่บนถนนพลุกพล่าน ให้ผู้โดยสารออกไปรอที่ปลอดภัย แจ้งเหตุฉุกเฉิน (191, 1669, ตำรวจทางหลวง 1193) หากมีอุบัติเหตุหรือผู้บาดเจ็บ จากนั้นติดต่อบริษัทประกันหรือช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อเปลี่ยนยาง

10 วิธีป้องกันยางระเบิดแบบครบถ้วน และปลอดภัยในการใช้รถ


ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถ ดังนั้นแล้ว การรู้วิธีป้องกันปัญหายางระเบิดในการใช้รถ โดยการลดความเสี่ยงลงอย่างการดูแลยางรถยนต์ให้ถูกวิธี รวมไปถึงพฤติกรรมการขับขี่ต่าง ๆ ก็เป็นอีกแนวทางป้องกันที่ดี มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่คนใช้รถทุกคนควรทำเป็นประจำ 

1. เติมลมยางให้เหมาะสมตามมาตรฐาน 

ไม่เติมลมยางมากจนแข็งหรือน้อยจนอ่อนเกินไป เพราะเป็นต้นตอของอาการระเบิดได้ และควรตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และก่อนเดินทางไกล โดยดูค่ามาตรฐานที่แนะนำจากข้างประตูรถหรือคู่มือรถยนต์

2. หมั่นตรวจเช็กสภาพแก้มยางและหน้าดอกยาง 

มองหาร่องรอยความเสียหาย เช่น รอยแตก รอยบาด รอยบวมนูน ปริ หรือสังเกตว่ามีวัตถุแปลกปลอมทิ่มตำหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

3. ไม่บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดของยาง 

ยางแต่ละเส้นมีสัญลักษณ์บ่งบอกความสามารถในการรับน้ำหนักสูงสุด การบรรทุกเกินกว่าที่กำหนดจะสร้างภาระและความร้อนให้ยางมากเกินไป เสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิด จึงควรดูเลือกยางให้ถูกประเภทในการใช้งาน หากเป็นรถกระบะที่ต้องทำการบรรทุกเป็นประจำ ก็ไม่ควรเลือกผิดเป็นยางรถเก๋งซีดานทั่วไปมาใช้งาน 

4. ไม่ขับขี่ด้วยความเร็วเกินขีดจำกัดของยาง 

ไม่ขับขี่ด้วยความเร็วเกินขีดจำกัดของยาง

เช่นเดียวกับน้ำหนัก ยางแต่ละรุ่นมีขีดจำกัดความเร็วสูงสุดที่ปลอดภัย การขับรถเร็วกว่าที่ยางจะรับไหวทำให้เกิดความร้อนสะสมและโครงสร้างยางอาจเสียหายได้ จึงต้องตรวจเช็กให้ดีว่ายางซีรีส์นั้นมีขีดจำกัดความเร็วอยู่ที่เท่าไหร่ 

5. เปลี่ยนยางเมื่อถึงกำหนดอายุการใช้งานหรือสภาพไม่สมบูรณ์ 

โดยทั่วไปยางรถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี นับจากวันผลิต (ดู DOT ที่แก้มยาง) หรือเมื่อดอกยางสึกถึงสะพานยาง (Tread Wear Indicator) หรือพบความเสียหายที่แก้มยาง ก็ไม่ควรฝืนใช้งานต่อเพียงเพราะคิดว่าไม่ได้ขับไกล และวิ่งอยู่แค่ในเมืองเท่านั้น เพราะมีโอกาสที่เกิดยางระเบิดได้ทุกเมื่อ และจะดีที่สุดก็คือการเลือกใช้ยางรถยนต์คุณภาพดีที่เคลมประกันยางแตกได้

6. สลับยางและถ่วงล้อตามระยะที่กำหนด 

โดยปกติแล้วควรสลับยางทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ยางทุกเส้นมีการสึกหรอที่สม่ำเสมอกัน และช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรวมถึงลดการสั่นสะเทือน และความเสี่ยงของปัญหายางระเบิดได้เช่นกัน

7. ตั้งศูนย์ล้อให้ถูกต้อง 

หากศูนย์ล้อไม่ตรงหรือคลาดเคลื่อน จะทำให้ยางสึกหรอผิดปกติ เช่น สึกเฉพาะด้านในหรือด้านนอก ซึ่งจะบั่นทอนความแข็งแรงของยางและเพิ่มความเสี่ยง

8. หลีกเลี่ยงการขับขี่บนพื้นผิวขรุขระหรือตกหลุมอย่างรุนแรง 

การกระแทกอย่างแรงอาจทำให้โครงสร้างภายในของยางเสียหายได้ แม้ภายนอกจะดูปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่การระเบิดในภายหลัง

9. เลือกใช้ยางให้ถูกประเภทและขนาดกับรถยนต์ของคุณ 

การใช้ยางที่ไม่ตรงสเปกกับรถยนต์ อาจทำให้ยางต้องรับภาระหนักกว่าที่ออกแบบไว้ หรือมีสมรรถนะในการยึดเกาะถนนที่ไม่เหมาะสม

10. สังเกตอาการผิดปกติของรถขณะขับขี่ 

สังเกตอาการผิดปกติของรถขณะขับขี่

หากรู้สึกว่าพวงมาลัยสั่นผิดปกติ รถมีอาการส่าย หรือได้ยินเสียงดังจากบริเวณล้อ ควรจอดรถในที่ปลอดภัยและตรวจสอบยางทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนก่อนยางจะมีปัญหารุนแรง


เลือกยางแบบไหน ช่วยเสริมการขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น


ยางรถยนต์
Cinturato Rosso เสริมความปลอดภัยที่มากกว่าเดิม

PIRELLI CINTURATO™ ROSSO น้องใหม่ในตระกูล Cinturato™ ของ Pirelli ออกแบบเพื่อความปลอดภัยและความสบายสูงสุดในการขับขี่ประจำวันและการเดินทางไกล โดดเด่นด้วยอายุการใช้งานยาวนาน การยึดเกาะถนนเยี่ยมทั้งพื้นเปียกและแห้ง ไหล่ยางโค้งสูงเพิ่มพื้นผิวสัมผัสถนนขณะเบรก ลายดอกยางต่อเนื่องลดเสียงรบกวน ร่องดอกละเอียดมอบความเพลิดเพลินสไตล์สปอร์ต และระบบร่องรีดน้ำประสิทธิภาพสูงลดความเสี่ยงเหินน้ำ

สรุปเกี่ยวกับอาการยางระเบิด

อาการยางระเบิดถือเป็นภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม เพราะยางรถยนต์ทุกเส้นล้วนมีอายุการใช้งานที่จำกัด ประกอบกับพฤติกรรมการขับขี่ที่ควรคำนึงความปลอดภัย หากมีการตรวจเช็กสภาพยางและการทำงานของรถยนต์เป็นประจำ ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการยางระเบิดไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าให้ดีควรเลือกยางรถยนต์ที่ได้มาตรฐานการผลิตรวมด้วยจะดีที่สุด สำหรับ Pirelli เป็นยี่ห้อยางที่ได้รับรองมาตรฐานจากการทำยาง OEM ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำหลากหลายแบรนด์มาแล้ว หากสนใจสามารถติดต่อได้เลยที่ Pirelli by ATV รับไปเลยประกันยางสุดคุ้ม “บาด-บวม-แตก” ที่รับประกันยางรถยนต์ถึง 1 ปีหรือระยะทาง 25,000 กิโลเมตร เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้นตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด นอกจากนี้ยังมียางรุ่นอื่น ๆ ที่เหมาะกับรถประเภทต่าง ๆ อีกมาก ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires หรือสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ที่ Shopee กับ Lazada

 

บทความจาก Pirelli

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า