เมื่อยางรถยนต์เป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ ด้วยเป็นบริเวณที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา นอกจากต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพยางรถว่ามีร่องรอยของการชำรุดหรือไม่ ยังต้องเติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสม เพื่อให้การขับเคลื่อนรถอย่างนุ่มนวล รองรับการกระแทก รวมถึงช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง และถ้าปล่อยให้แรงดันในยางมากหรือน้อยจนเกินไป อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของการเดินทางหรือแม้แต่ยางระเบิดได้อีกด้วย เพื่อให้ผู้ขับขี่เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย วันนี้ขอพาทุกคนไปทำความเข้าใจกันว่าต้องเติมลมยางรถเก๋งเท่าไหร่ถึงเหมาะสม ควรเช็กลมยางรถเก๋งบ่อยแค่ไหน มาดูคำตอบกัน
เช็กอย่างไรว่ารถเก๋งแต่ละคันต้องเติมลมยางเท่าไหร่
สำหรับอัตราวัดลมยาง คือ PSI หรือปอนด์ต่อตารางนิ้ว (Pound Per Square Inch) ถ้าอยากรู้ว่ารถยนต์ที่ใช้งานอยู่ควรเติมลมยางเท่าไหร่ สามารถดูได้จากตรงไหน คำตอบคือ ดูได้จากสติกเกอร์ฉลากข้อมูลที่ติดตรงกรอบประตูฝั่งคนขับหรือจากคู่มือประจำรถก็มีบอกไว้เช่นกัน โดยผู้ผลิตรถยนต์จะแนะนำค่ามาตรฐานที่เหมาะสมและผ่านการทดสอบจากโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ ว่ารถยนต์คันดังกล่าวสามารถทำหน้าที่รับน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกได้อย่างปลอดภัยต่อการใช้งาน สำหรับรายละเอียดที่ระบุไว้บนสติกเกอร์ มีดังนี้
- จำนวนตำแหน่งที่นั่งของผู้โดยสารสูงสุด
- ขนาดยาง อัตราการบรรทุกสูงสุด ความเร็วที่ใช้สูงสุด
- แรงดันลมยางสำหรับยางหน้า ยางหลัง และล้ออะไหล่ (ถ้ามี)
เติมลมยางรถยนต์ รถเก๋งเท่าไหร่ ? ถึงเหมาะสมและปลอดภัย
แม้รถยนต์ รถกระบะ รถตู้ หรือรถ SUV จะใช้ยาง 4 เส้นในการขับเคลื่อนเหมือนกัน แต่แรงดันลมยางที่ใช้มีปริมาณแตกต่างกัน เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเติมลมยางได้ตอบโจทย์การใช้งาน มาดูกันว่ารถแต่ละประเภทควรเติมลมยางรถเท่าไหร่ ถึงปลอดภัยต่อการเดินทางทั้งใกล้และไกล
- ลมยางรถเก๋งขนาดเล็ก ควรเติมลมยางประมาณ 25-30 PSI
- ลมยางรถเก๋งขนาดกลาง และรถ SUV ควรเติมลมยางประมาณ 30-35 PSI
- ลมยางรถกระบะ ควรเติมลมยางประมาณ 35-45 PSI (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เช่น บรรทุกของ)
- ลมยางรถตู้ที่มีผู้โดยสาร (บรรทุก 7-10 คน) ควรเติมลมยางประมาณ 43-55 PSI
แต่ทั้งนี้แนะนำให้ตรวจสอบปริมาณลมยางที่เหมาะสมกับรถของคุณที่บริเวณข้างประตูรถฝั่งคนขับ เพื่อความปลอดภัยเวลาขับขี่ ส่วนใครที่กังวลว่าถ้าเปลี่ยนยางหรือล้อแม็กที่ไม่ใช่ของเดิมสามารถเติมลมรถเก๋งได้เหมือนเดิมไหม คำตอบคือ สามารถเติมลมรถเก๋งล้อหน้า ล้อหลังได้ตามปริมาณที่ระบุไว้ในสติกเกอร์เหมือนเดิม และไม่ควรเกินหรือต่ำกว่าปริมาณลมยางมาตรฐานที่กำหนดไว้
ควรเช็กหรือเติมลมยางบ่อยแค่ไหน
ตามปกติไม่มีกำหนดตายตัวว่า ผู้ขับขี่ต้องเช็กลมยางรถหรือควรเติมลมยางรถเก๋งเมื่อใด เพราะมีปัจจัยภายนอกอย่างพฤติกรรมการใช้งานรถคันดังกล่าวที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาควบคู่กันไปด้วย เช่น หากมีการใช้งานบ่อยโอกาสที่ลมยางจะเริ่มอ่อนก็มีมากกว่ารถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
- กรณีใช้งานรถเป็นประจำ ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็กลมยางเดือนละ 1-2 ครั้ง
- กรณีใช้งานรถไม่บ่อย ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็กลมยางเดือนละ 1 ครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง เพราะถึงไม่มีการใช้งานรถแต่ยางรถยังได้รับแรงกดทับ และแบกรับน้ำหนักทั้งหมดของตัวรถยนต์อยู่ตลอดเวลา
หากเติมลมรถเก๋งอ่อนหรือแข็งไปจะเกิดอะไรขึ้น
การเติมลมยางรถเก๋งที่ไม่พอดี ส่งผลเสียต่อการใช้งานโดยตรง ทั้งในแง่ของสมรรถนะ การควบคุมทิศทาง การรับน้ำหนัก และการสึกหรอของหน้ายาง ซึ่งการเติมลมยางที่แข็งหรืออ่อนไปจะเกิดผลเสีย ดังนี้
- เติมลมยางแข็งเกินไป ทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนน้อยลง ทำให้ยึดเกาะถนนได้ไม่ดีควบคุมรถยาก เกิดแรงสั่นสะเทือนมากกว่าเดิมจนทำให้ขับขี่ไม่สบายอย่างที่ควรจะเป็น อีกทั้งยังทำให้ดอกยางสึกเร็วมากขึ้นด้วยเช่นกัน
- เติมลมยางอ่อนเกินไป ทำให้เกิดแรงเสียดทานมากขึ้น ควบคุมรถยากรู้สึกพวงมาลัยหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกิดความร้อนสะสมภายในยาง อาจก่อให้เกิดอาการบวม หรือเสี่ยงระเบิดได้เมื่อบรรทุกน้ำหนักมากเกินไปร่วมด้วย
สรุปเกี่ยวกับการเติมลมยางรถเก๋ง
จะเห็นได้ว่าการเติมลมยางรถเก๋งมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้ามและควรหมั่นตรวจเช็กเป็นประจำ รวมถึงเติมลมยางให้อยู่ในระดับมาตรฐานที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยในทุกการเดินทาง เพราะจุดผิดพลาดเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามอย่างการละเลยไม่เติมลมยางรถเก๋ง รถกระบะที่ใช้งานให้เหมาะสมกับการใช้งาน อาจส่งผลกระทบต่อรถยนต์ที่คุณรักได้มากกว่าที่คิด หรืออาจร้ายแรงจนถึงชีวิตของผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางบนถนนได้ ส่วนใครที่กำลังมองหายางรถยนต์คุณภาพดี ตอบโจทย์ทุกเส้นทาง และปลอดภัยทุกการขับขี่ Pirelli พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องยางรถยนต์ทุกประเภท โดยสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์เพิ่มเติมได้ที่อินบอกซ์เฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires