Pirelli Thailand by ATV เช็คราคายานยนต์ ออนไลน์

เพราะยางรถยนต์เป็นบริเวณที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา นอกจากต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพยางรถว่ามีร่องรอยของการชำรุดหรือไม่ ยังต้องเติมลมยางรถยนต์ หรือรถเก๋งเติมลมเท่าไหร่ให้เหมาะสม เพื่อให้การขับเคลื่อนรถอย่างนุ่มนวล รองรับการกระแทก รวมถึงช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง และถ้าปล่อยให้แรงดันในยางมากหรือน้อยจนเกินไป อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของการเดินทางหรือแม้แต่ยางระเบิดได้อีกด้วย แต่ผู้ใช้รถหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเติมลมรถเก๋งเท่าไหร่ เพื่อให้ผู้ขับขี่เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย วันนี้ พิเรลลี่ ขอพาทุกคนไปทำความเข้าใจกันว่าต้องเติมลมยางรถเก๋งเท่าไหร่ถึงเหมาะสม ควรเช็กลมยางรถเก๋งบ่อยแค่ไหน มาดูคำตอบกัน

ผู้ชายเติมลมยาง
เติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสม ปลอดภัยได้มากขึ้น

รถเก๋งเติมลมเท่าไหร่จึงเหมาะสมต่อการขับขี่

สำหรับ PSI คือตัวย่อของ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (Pounds per square inch) ซึ่งมักถูกนำมาใช้ประกอบการวัดค่าแรงดันของลมยาง โดยการเติมลมรถเก๋ง ซึ่งหากเป็นรถยนต์ขนาดเล็กจะอยู่ที่ 25 ถึง 30 ปอนด์ ขณะที่รถยนต์ขนาดกลางจะอยู่ที่ 32 ถึง 35 ปอนด์ ขึ้นอยู่กับน้ำหนักการบรรทุกผู้โดยสาร ความเร็วในการขับขี่ และสิ่งของบนรถ ซึ่งกรณีต้องเดินทางไกลควรปรับเพิ่มขึ้นที่ 1 ถึง 2 ปอนด์

เติมลมรถเก๋งควรเติมเท่าไหร่ ล้อหน้ากับล้อหลัง ควรเท่ากันไหม 

การเติมลมรถเก๋งล้อหน้า ควรเติมให้มากกว่าล้อหลังประมาณ 2 PSI เพราะรถเก๋งส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในประเทศเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า จึงจะต้องรับแรงบดมากกว่าจากการบังคับเลี้ยว ขึ้นลูกระนาด หรือเลี้ยวขึ้นลานจอดรถ เลยทำให้แรงดันลมยางอาจลดได้เร็วกว่าล้อหลัง แต่การเติมลมยางรถยนต์ให้เท่ากันทั้ง 4 ล้อ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับผู้ใช้รถเป็นหลักว่าชอบแบบไหน 

ประเภทรถ

ปริมาณลมยางที่แนะนำ (PSI)

รถเก๋งขนาดเล็ก (Eco, Subcompact Car)

28-33 PSI (หน้าหลังเท่ากัน)

รถเก๋งขนาดกลาง (Compact/Mid-size)

32-35 PSI (หน้าหลังต่างกันได้เล็กน้อย)

รถเก๋งขนาดใหญ่ (Full-size Sedan)

33-36 PSI

รถเก๋งแบบแฮทช์แบค/รถยนต์ 5 ประตู (Hatchback/Fastback)

32-34 PSI

จะรู้ได้อย่างไรว่ารถยนต์เติมลมเท่าไหร่หรือต้องเติมลมรถเก๋งเท่าไหร่

สำหรับอัตราวัดลมยาง คือ PSI หรือปอนด์ต่อตารางนิ้ว (Pound Per Square Inch) ถ้าอยากรู้ว่ารถยนต์เติมลมเท่าไหร่ สามารถดูได้จากตรงไหน คำตอบคือ ดูได้จากสติกเกอร์ฉลากข้อมูลที่ติดตรงกรอบประตูฝั่งคนขับหรือจากคู่มือประจำรถก็มีบอกไว้เช่นกัน โดยผู้ผลิตรถยนต์จะแนะนำค่ามาตรฐานที่เหมาะสมและผ่านการทดสอบจากโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ ว่ารถยนต์คันดังกล่าวสามารถทำหน้าที่รับน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกได้อย่างปลอดภัยต่อการใช้งาน สำหรับรายละเอียดที่ระบุไว้บนสติกเกอร์ มีดังนี้

  • จำนวนตำแหน่งที่นั่งของผู้โดยสารสูงสุด
  • ขนาดยาง อัตราการบรรทุกสูงสุด ความเร็วที่ใช้สูงสุด
  • แรงดันลมยางสำหรับยางหน้า ยางหลัง และล้ออะไหล่ (ถ้ามี)

 

เช็กข้อมูลแรงดันลมยางก่อนเติมเสมอ

เติมลมยางรถยนต์เติมลมเท่าไหร่ รถเก๋งเติมลมเท่าไหร่ ? ถึงเหมาะสมและปลอดภัย

แม้รถยนต์ ยางรถกระบะ รถตู้ หรือรถ SUV จะใช้ยาง 4 เส้นในการขับเคลื่อนเหมือนกัน แต่แรงดันลมยางที่ใช้มีปริมาณแตกต่างกัน เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเติมลมยางได้ตอบโจทย์การใช้งาน มาดูกันว่ารถเก๋งเติมลมเท่าไหร่ถึงปลอดภัยต่อการเดินทางทั้งใกล้และไกล

  • ลมยางรถเก๋งขนาดเล็ก (Eco, Subcompact Car) ควรเติมลมยางประมาณ 28-33 PSI (หน้าหลังเท่ากัน)
  • ลมยางรถเก๋งขนาดกลาง (Compact/Mid-size) ควรเติมลมยางประมาณ 32-34 PSI (หน้าหลังต่างกันได้เล็กน้อย)
  • ลมยางรถเก๋งขนาดใหญ่ (Full-size Sedan) ควรเติมลมยางประมาณ 33-36 PSI
  • เติมลมยางรถยนต์ ลมยางรถเก๋งแบบแฮทช์แบค/รถยนต์ 5 ประตู (Hatchback/Fastback) ควรเติมลมยางประมาณ 32-34 PSI

แต่ทั้งนี้แนะนำให้ตรวจสอบปริมาณลมยางที่เหมาะสมกับรถของคุณที่บริเวณข้างประตูรถฝั่งคนขับ เพื่อความปลอดภัยเวลาขับขี่ ส่วนใครที่กังวลว่าถ้าเปลี่ยนยางหรือล้อแม็กที่ไม่ใช่ของเดิมสามารถเติมลมรถเก๋งได้เหมือนเดิมไหม คำตอบคือ สามารถเติมลมรถเก๋งล้อหน้า ล้อหลังได้ตามปริมาณที่ระบุไว้ในสติกเกอร์เหมือนเดิม และไม่ควรเกินหรือต่ำกว่าปริมาณลมยางมาตรฐานที่กำหนดไว้

ควรเช็กการเติมลมยางรถยนต์หรือเติมลมรถเก๋งบ่อยแค่ไหน

ตามปกติไม่มีกำหนดตายตัวว่า ผู้ขับขี่ต้องเช็กลมยางรถหรือควรเติมลมยางรถเก๋งเมื่อใด เพราะมีปัจจัยภายนอกอย่างพฤติกรรมการใช้งานรถคันดังกล่าวที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาควบคู่กันไปด้วย เช่น หากมีการใช้งานบ่อยโอกาสที่ลมยางจะเริ่มอ่อนก็มีมากกว่ารถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน

  • กรณีใช้งานรถเป็นประจำ ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็กลมยางเดือนละ 1-2 ครั้ง
  • กรณีใช้งานรถไม่บ่อย ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็กลมยางเดือนละ 1 ครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง เพราะถึงไม่มีการใช้งานรถแต่ยางรถยังได้รับแรงกดทับ และแบกรับน้ำหนักทั้งหมดของตัวรถยนต์อยู่ตลอดเวลา

การเติมลมยางรถเก๋งมากเกินไปไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ควร

การเติมลมยางเก๋งต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยระดับควรเป็นไปตามชนิดของรถแต่ละประเภทที่ระบุไว้ ตามคู่มือรถ หรือการดูข้อมูลที่ด้านข้างประตูฝั่งคนขับ ซึ่งข้อเสียของการเติมลมยางที่มาก หรือน้อยเกินไปมี ดังนี้

เติมลมยางน้อยเกินไป

การเติมลมยางน้อยเกินไปจะทำให้หน้ายางด้านข้างสึกไวกว่าตรงกลาง เนื่องจากรถมีการบดพื้นถนนที่มากขึ้น สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น มีโอกาสการเกิดความร้อนในยางได้ อาจส่งผลให้แก้มยางผิดรูป เสี่ยงต่อการระเบิด รวมไปถึงการเข้าโค้งไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นด้วย

เติมลมยางมากเกินไป

หากเติมลมยางแข็งเกินไป มีโอกาสทำให้หน้ายางตรงกลางสึกมากกว่าส่วนอื่น การเกาะถนนจะมีประสิทธิภาพลดลง มีโอกาสลื่นไถล เป็นเหตุให้ประสบอุบัติเหตุ การเพิ่มลมยางที่มากไปอาจจะทำให้มีอาการเหินน้ำยามที่ขับฝนตกได้อีกด้วย

หากเติมลมรถเก๋งอ่อนหรือแข็งไปจะเกิดอะไรขึ้น

แม้จะรู้ไปแล้วว่าเติมลมรถเก๋งเท่าไหร่ อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญที่ต้องรู้ก็คือ การเติมลมยางรถเก๋งที่ไม่พอดี ที่จะส่งผลเสียต่อการใช้งานโดยตรง ทั้งในแง่ของสมรรถนะ การควบคุมทิศทาง การรับน้ำหนัก และการสึกหรอของหน้ายาง ซึ่งการเติมลมยางที่แข็งหรืออ่อนไปจะเกิดผลเสีย ดังนี้

กรณีลมยางรถยนต์แข็งเกินไป

ทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนน้อยลง ทำให้ยึดเกาะถนนได้ไม่ดีควบคุมรถยาก เกิดแรงสั่นสะเทือนมากกว่าเดิมจนทำให้ขับขี่ไม่สบายอย่างที่ควรจะเป็น อีกทั้งยังทำให้ดอกยางสึกเร็วมากขึ้นด้วยเช่นกัน

กรณีลมยางรถยนต์อ่อนเกินไป 

ทำให้เกิดแรงเสียดทานมากขึ้น ควบคุมรถยากรู้สึกพวงมาลัยหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกิดความร้อนสะสมภายในยาง อาจก่อให้เกิดอาการบวม หรือเสี่ยงระเบิดได้เมื่อบรรทุกน้ำหนักมากเกินไปร่วมด้วย

เติมลมยางรถเก๋งไม่ยาก ทำได้ด้วยตัวเอง

การเติมลมยางรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งหากไม่มีอุปกรณ์ของตัวเอง สามารถเดินทางไปเติมลมยางได้ที่ปั๊มใกล้เคียง หรือศูนย์บริการอื่น ๆ โดยมีขั้นตอนการทำ ดังนี้

  1. ขับรถไปจอดในที่ให้บริการเติมลมยาง
  2. ตั้งค่าขนาดลมยางที่ต้องการเติม
  3. ขันตัวปิดจุกลมยางออกมา แล้วนำสายลมยางเสียวเข้าไปที่ยางแทน
  4. เมื่อมีเสียงสัญญาณระบุถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ สามารถถึงสายออกจากยางได้ทันที
  5. นำจุกปิดลมยางหมุนกลับเข้าไปอย่างเดิม
  6. จัดการเติมลมยางให้เรียบร้อยครบทั้ง 4 เส้น
  7. เก็บสายกลับเข้าที่ให้เรียบร้อย
ยาง P ZERO
ยาง Pirelli รับรองมาตรฐานจากทั่วโลก

เทคโนโลยีช่วยได้ หากลมรถเก๋งโดนเจาะ

ปัจจุบันยางรถยนต์ชั้นนำอย่าง Pirelli แบรนด์ผู้คร่ำหวอดในวงการยางมีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเสริมเรื่องปัญหาลมยางรั่ว โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการถูกเจาะโดยสิ่งของขนาดเล็กอย่างตะปู หรือน็อต ที่สร้างความน่าหนักใจให้กับผู้ใช้รถ รวมไปถึงมีผลต่อความปลอดภัยสูง ซึ่งก็คือ Run Flat และ Seal Inside นั่นเอง

P-ZeroPZ4

  • Run Flat

เทคโนโลยียาง Run Flat อย่างยาง P Zero (PZ4) รวมไปถึงยาง Cinturato P7 และยาง Scorpion Verde All Season ช่วยให้ผู้ขับขี่ไร้กังวลเมื่อยางถูกเจาะระหว่างการเดินทาง ซึ่งจะยังทำให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถยนต์ต่อไปได้ แม้สภาวะความดันลมยางเป็นศูนย์ก็ตาม โดยจะขับต่อได้อีกเป็นระยะทาง 80 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องจอดข้างทางแก้ไขในช่วงเวลาค่ำคืน ก่อนมองหาอู่ซ่อมรถแก้ไขต่อไป นับเป็นเรื่องที่ส่งผลดีป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน หรืออันตรายจากผู้ไม่หวังดีได้

  • Seal Inside

ส่วนของ เทคโนโลยี Seal Inside เป็นหนึ่งในนวัตกรรมใหม่จาก Pirelli ที่ได้รับการพัฒนาตามความต้องการของค่ายรถ Volkswagen ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้ยางรถยนต์สามารถจัดการรอยรั่วได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยการใช้สารซีลยึดติดเข้ากับตะปู ทำให้ผู้ขับขี่เดินทางไปถึงเป้าหมายได้ แม้หน้ายางจะถูกเจาะด้วยตะปูก็ตาม (เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 6 มม.)

การเติมลมยางอย่างเหมาะสมเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่การเลือกยางรถยนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพ ใช้งานได้เต็มที่ไปกับรถยนต์คันโปรดของคุณ ลองไปดูกันได้ที่ Pirelli by ATV ที่นี่มีบริการยอดเยี่ยม หากติดตั้งยางครบ 4 ล้อ รับไปเลย ติดตั้งยาง ตั้งศูนย์ และถ่วงล้อฟรี พร้อมให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งยังมีประกัน “บาด-บวม-แตก” สามารถเคลมฟรี 1 ปี หรือระยะทาง 25,000 กิโลเมตรโดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขของบริษัท

สรุปเกี่ยวกับการเติมลมยางรถเก๋ง

และนี่ก็คือความสำคัญ ที่ผู้ใช้รถควรรู้ว่ารถเก๋งเติมลมเท่าไหร่ รถยนต์เติมลมเท่าไหร่ ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้ามและควรหมั่นตรวจเช็กเป็นประจำ รวมถึงเติมลมยางให้อยู่ในระดับมาตรฐานที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยในทุกการเดินทาง เพราะจุดผิดพลาดเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามอย่างการละเลยไม่เติมลมยางรถเก๋ง รถกระบะที่ใช้งานให้เหมาะสมกับการใช้งาน อาจส่งผลกระทบต่อรถยนต์ที่คุณรักได้มากกว่าที่คิด หรืออาจร้ายแรงจนถึงชีวิตของผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางบนถนนได้ ส่วนใครที่กำลังมองหายางรถยนต์คุณภาพดี ตอบโจทย์ทุกเส้นทาง และปลอดภัยทุกการขับขี่ Pirelli พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องยางรถยนต์ทุกประเภท โดยสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์เพิ่มเติมได้ที่อินบอกซ์เฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires หรือสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ที่ Shopee และ Lazada หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เช่น B-Quik หรือ MMS พร้อมการรับประกันคุณภาพในกรณี บาด บวม แตก เคลมฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กม. (เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น ทุกรุ่น ทุกขนาด และลงทะเบียนภายใน 14 วัน)

 

หากท่านต้องการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ ต้องการหาร้านยางใกล้บ้าน สามารถค้นหาร้านยางได้ที่นี่ ค้นหาร้านยาง

บทความจาก Pirelli

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า