กลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่องเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณความผิดปกติที่อาจนำไปสู่อันตรายได้ แล้วปัญหารถมีกลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่องเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง พร้อมวิธีการแก้ไขเบื้องต้นว่าควรทำอย่างไร
เมื่อคุณได้กลิ่นเหม็นไหม้จากรถยนต์ โดยเฉพาะจากบริเวณห้องเครื่อง นับว่าเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนมากว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น โดยเบื้องต้น หากรู้จักการแยกแยะกลิ่นและหาสาเหตุที่พอจะเป็นไปได้ว่าเกิดจากตรงไหน ก็จะช่วยให้คุณจัดการปัญหาได้อย่างทันท่วงที พร้อมการขับขี่ที่ปลอดภัย
สาเหตุที่ทำให้รถมีกลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่อง
ถ้าเกิดว่ารถที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำทุกวัน หากมีกลิ่นเหม็นแปลก ๆ ขึ้นมา ทั้งนี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
รถมีกลิ่นไหม้จากน้ำมันเครื่อง
ในกรณีที่รถมีกลิ่นไหม้ น้ำเครื่องอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้รถมีกลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่องได้ ซึ่งมาได้จากหลายกรณี เช่น น้ำมันเครื่องรั่วซึม น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ หรืออาจจะเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไปจนทำให้ล้นออกมา และส่งกลิ่นเหม็นมาบริเวณห้องเครื่องได้
หากตรวจพบว่ารถมีกลิ่นไหม้มาจากน้ำมันเครื่อง ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับที่กำหนดหรือไม่ และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นประจำทุก 6 เดือน หรือเมื่อวิ่งถึงระยะประมาณ 10,000 กิโลเมตร
รถมีกลิ่นไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถมีกลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่อง ซึ่งเกิดจากปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร นับเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย และอาจเป็นอันตรายได้ ทั้งนี้อาจเกิดจากสายไฟขาด ฟิวส์ขาด แบตเตอรี่มีปัญหาหรือไดชาร์จที่ทำงานหนักจนเกินไป ก็อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร จนนำไปสู่สาเหตุไฟไหม้ได้
หากจอดรถแล้วมีกลิ่นไหม้ ให้ตรวจสอบสายไฟและข้อต่อต่าง ๆ ว่าชำรุดหรือไม่ ตรวจสอบแบตเตอรี่ว่ามีอาการบวมหรือไม่ ทั้งนี้ หากพบสาเหตุโดยเบื้องต้นแล้ว ว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์บริการหรือเข้าอู่ซ่อมโดยด่วน
รถมีกลิ่นไหม้จากน้ำมันเบรก
น้ำมันเบรกก็เป็นอีกปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม พอ ๆ กับสาเหตุอื่น นอกจากจะทำให้รถมีกลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่องแล้ว ยังอาจส่งผลให้เกิดอันตรายขณะขับขี่อีกด้วย โดยกลิ่นเหม็นที่เกิดจากน้ำมันเบรกอาจเกิดจากน้ำมันเบรกรั่วซึม ผ้าเบรกหมด หรืออาการเบรกค้าง โดยอาการเหล่านี้จะทำให้เบรกติดขัดจนเกิดความร้อนสูง และส่งกลิ่นเหม็นไหม้ได้
ในกรณีที่พบว่ากลิ่นไหม้มาจากน้ำมันเบรก เบื้องต้นให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกว่าอยู่ในระดับกำหนดหรือไม่ ก่อนออกเดินทางทุกครั้งควรตรวจเช็กคราบรั่วซึมของน้ำมันบริเวณล้อ และควรสังเกตและฟังเสียงระหว่างขับรถ เพื่อจะได้แก้ไขได้ตรงจุด หากไม่แน่ใจควรนำรถเข้าศูนย์บริการให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบได้
รถมีกลิ่นไหม้จากท่อยางและข้อต่อ
ท่อยางและข้อต่อต่าง ๆ เช่น ท่อลมยาง สะพานเลื่อน สายพานในห้องเครื่อง ส่วนมากผลิตมาจากยาง ซึ่งกลิ่นเหม็นในห้องเครื่องก็อาจมีต้นเหตุมาจากอะไหล่ชิ้นส่วนนี้ได้เช่นกัน และเนื่องจากท่อและข้อต่อต่าง ๆ เป็นส่วนที่ลำเลียงของเหลว เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำกลั่น น้ำมันหล่อเย็น ฯลฯ หากมีรอยแตก หรือชำรุดก็อาจทำให้ส่งกลิ่นเหม็นไหม้ได้
โดยเบื้องต้น สามารถตรวจสอบสภาพท่อยางและข้อต่อต่าง ๆ ว่ามีการชำรุดหรือไม่ และควรตรวจสอบระดับน้ำมันต่าง ๆ ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมไหม ให้นำรถเข้าศูนย์ซ่อมบริการ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นจากการใช้รถได้ในอนาคต
ถ้าได้กลิ่นไหม้จากแอร์รถยนต์ แบบนี้อันตรายไหม
นอกจากกลิ่นเหม็นไหม้จากน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก อาการไฟฟ้าลัดวงจร ท่อยางและข้อต่อแล้ว อีกสาเหตุที่เกิดขึ้นได้บ่อย คือ ได้กลิ่นเหม็นไหม้จากแอร์รถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รบกวนใจมาก ไม่ว่าจะขณะขับ หรือจอดรถก็ยังได้กลิ่นอยู่ จะให้ปล่อยไปก็คงไม่ได้ เพราะอาจเป็นอันตรายจากการที่รถมีกลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่องแบบนี้ อาจเกิดได้จากสาเหตุดังนี้
- สายพานหย่อน ทำให้เกิดจากเสียดสีกับอะไหล่ส่วนอื่น ๆ จนเกิดความร้อนสูงและส่งกลิ่นเหม็นไหม้ได้
- น้ำยาแอร์รั่ว กรณีนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ท่อรั่วซึมจนน้ำยารั่ว หรืออาจจะเกิดจากความร้อนจนทำให้รถมีกลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่องได้
- คอมเพรสเซอร์แอร์รถเสีย ในกรณีนี้สังเกตเบื้องต้นได้ง่ายๆ โดยอาการจะเริ่มจากเสียงดังกุกกัก แอร์ไม่เย็น หนักสุดคือกลิ่นไหม้ที่ออกมาจากแอร์รถยนต์
- ระบบไฟฟ้าลัดวงจร จนทำให้แผงควบคุมระบบแอร์ไม่ทำงาน ร้ายแรงที่สุดอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ หากได้กลิ่นแปลก ๆ ควรรีบนำรถเข้าศูนย์ซ่อมบริการทันที
วิธีแก้เบื้องต้นหากได้กลิ่นไหม้ออกมาจากช่องแอร์ ให้ปิดระบบปรับอากาศทันที จอดรถและตรวจสอบสายพาน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ว่าชำรุด เสียหายหรือไม่ หากยังได้กลิ่นอยู่ได้รีบออกจากรถ และโทรตามช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อส่งศูนย์ซ่อมบริการทันที กลิ่นไหม้จากแอร์รถยนต์อาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะหากเกิดจากปัญหาทางไฟฟ้า ซึ่งอาจนำไปสู่การลุกไหม้ได้ นอกจากนี้ การสูดดมกลิ่นไหม้เป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย
หากจอดรถแล้วมีกลิ่นไหม้ ควรทำอย่างไร
กลิ่นไหม้หลังจากจอดรถอยู่นิ่ง ๆ ก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรจะปล่อยปละละเลย เพราะนี่ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าเกิดปัญหาและอุบัติเหตุที่ร้ายแรงขึ้นได้ ทั้งนี้หากจอดรถแล้วมีกลิ่นไหม้ควรปฏิบัติ ดังนี้
- ดับเครื่องยนต์ทันที หากคุณยังไม่ได้ดับเครื่องยนต์ ให้ดับเครื่องทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติม
- ออกจากตัวรถให้เร็วที่สุด หลังจากดับเครื่องยนต์แล้ว ให้รีบนำตัวเองออกจากรถให้เร็วที่สุด เนื่องจากกลิ่นไหม้อาจนำไปสู่เหตุการณ์เพลิงลุกไหม้
- มองหาควันหรือเปลวไฟ มองหาควัน เปลวไฟที่อาจเกิดขึ้นในห้องเครื่องหรือใต้ท้องรถได้ หากยังเป็นกลุ่มไฟเล็ก ๆ ให้ใช้ถังดับเพลิงเพื่อดับไฟ ไม่ให้ลุกลามได้ในเบื้องต้น
- ไม่ควรเปิดฝากระโปรงหน้ารถทันที กรณีที่ได้กลิ่นไหม้ และสงสัยว่ามีไฟไหม้ อย่าเปิดฝากระโปรงหน้าทันที เพราะอาจทำให้ไฟลุกลามได้ง่าย
- ติดต่อบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แนะนำให้โทรเรียกตำรวจ หน่วยดับเพลิง หรือเจ้าหน้าที่เพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
หากรถมีกลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่อง อย่าพยายามขับรถต่อแม้ว่ากลิ่นไหม้จะหายไปแล้ว เพราะอาจเกิดความเสียหายเพิ่มเติม ทั้งทรัพย์สินและต่อชีวิตได้
สรุปบทความ
กลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องเครื่องเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติที่ร้ายแรงได้ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นไหม้ ได้แก่ ปัญหาจากน้ำมันเครื่อง ไฟฟ้าลัดวงจร น้ำมันเบรก และท่อยางหรือข้อต่อต่าง ๆ นอกจากนี้ กลิ่นไหม้จากแอร์รถยนต์ก็เป็นอีกปัญหาที่พบได้บ่อยและอาจเป็นอันตรายได้ เมื่อพบกลิ่นไหม้จากรถยนต์ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ละเลย ควรหยุดรถทันทีและตรวจสอบสาเหตุเบื้องต้น หากไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด การขับรถต่อไปโดยมีกลิ่นไหม้อาจทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงขึ้นหรือเกิดอันตรายได้
ท้ายที่สุด การดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหากลิ่นไหม้และปัญหาอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การเลือกใช้อุปกรณ์คุณภาพสูง เช่น ยางนุ่มเงียบ ยาง SUV ที่เหมาะสมกับรถของคุณ ก็มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาต่าง ๆ ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการยางคุณภาพสูง ยางรถยนต์ Pirelli ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพื่อการใช้งานรถยนต์ที่ราบรื่นและปลอดภัยต่อไป