ในยุคที่ราคาน้ำมันผันผวน และปัญหาสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรง รถ Hybrid คือทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนใช้รถที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่หลายคนอาจสงสัยว่ารถ Hybrid คืออะไร มีกี่ประเภท และทำงานแตกต่างกันอย่างไรบ้าง วันนี้ พิเรลลี่ จะมาอธิบายถึงเรื่องนี้ให้ทุกคนเอง
รถยนต์ Hybrid คืออะไร
รถยนต์ Hybrid คือ รถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนผสมผสาน ระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และลดการปล่อยมลพิษ
หลักการทำงานของเครื่องยนต์ Hybrid
รถยนต์ไฮบริด ทำงานโดยใช้ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งสลับกันทำงานหรือทำงานร่วมกันขึ้นอยู่กับสถานการณ์การขับขี่และประเภทของรถ เช่น
- ขณะออกตัวหรือขับช้า : ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า
- ขณะขับความเร็วปกติ : ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก
- ขณะเร่งแซง : ใช้ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกัน
- ขณะเบรกหรือลดความเร็ว : ใช้ระบบเบรกแบบรีเจนเนอเรทีฟเพื่อเก็บพลังงานกลับสู่แบตเตอรี่
รถยนต์ Hybrid มีกี่ประเภท
รถยนต์ไฮบริดสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
รถยนต์ Full Hybrid
รถ Full Hybrid สามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ในระยะทางสั้น ๆ มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า และประหยัดน้ำมันได้มากกว่าระบบอื่น
รถยนต์ Mild Hybrid (MHEV)
ระบบ Mild Hybrid ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อช่วยเสริมกำลังให้กับเครื่องยนต์หลัก ไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ แต่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีกว่ารถยนต์ทั่วไป
รถยนต์ Plug-in Hybrid (PHEV)
รถ Plug-In Hybrid มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และสามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ทำให้สามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ในระยะทางที่ไกลกว่า Full Hybrid ทั่วไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานแบบรถยนต์ไฟฟ้าแต่ยังต้องการความมั่นใจจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน
รู้จักกับข้อดี–ข้อเสียของรถยนต์ Hybrid
ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด
- ประหยัดน้ำมันกว่ารถยนต์ทั่วไป
- ปล่อยมลพิษน้อยกว่า
- มีแรงบิดดีในช่วงความเร็วต่ำ
- เงียบกว่าเมื่อขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
ข้อเสียของรถยนต์ไฮบริด
- ราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป
- น้ำหนักมากกว่าเนื่องจากแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า
- ค่าซ่อมบำรุงอาจสูงกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป
ควรเลือกรถยนต์ Hybrid อย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน
การเลือกรถยนต์ไฮบริดให้เหมาะกับการใช้งาน ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
ลักษณะการใช้งาน
- หากขับในเมืองเป็นส่วนใหญ่ Full Hybrid อาจเหมาะสมกว่า เพราะสามารถใช้โหมดไฟฟ้าล้วนในการขับขี่ระยะสั้น ๆ ได้ จึงช่วยประหยัดน้ำมันในสภาพการจราจรติดขัด
- ถ้าต้องเดินทางไกลบ่อย Plug-in Hybrid อาจเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถชาร์จไฟในระหว่างเดินทางได้ และมีเครื่องยนต์สันดาปภายในรองรับเมื่อแบตเตอรี่หมด
- สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดน้ำมัน แต่ไม่ต้องการระบบที่ซับซ้อนมาก Mild Hybrid อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
งบประมาณ
- Mild Hybrid มักมีราคาถูกกว่า Full Hybrid และ Plug-in Hybrid เนื่องจากใช้ระบบไฟฟ้าที่ไม่ซับซ้อนมากนัก
- Full Hybrid มีราคาสูงกว่า Mild Hybrid แต่ถูกกว่า Plug-in Hybrid โดยให้ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า
- Plug-in Hybrid มักมีราคาสูงที่สุด แต่ให้ความสามารถในการใช้งานแบบรถยนต์ไฟฟ้าได้ในระยะทางที่ไกลกว่าความพร้อมของสถานีชาร์จ
- หากเลือก Plug-in Hybrid ควรพิจารณาว่ามีจุดชาร์จไฟสะดวกหรือไม่ ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือสถานที่สาธารณะ
- ถ้าไม่มีความพร้อมด้านจุดชาร์จ Full Hybrid อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟจากภายนอก
ระยะทางการขับขี่ประจำวัน
- หากขับระยะสั้น ๆ ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ (ไม่เกิน 50 – 60 กม. ต่อวัน) Full Hybrid อาจเพียงพอและคุ้มค่ากว่า
- หากต้องขับไกลขึ้น (80 – 100 กม. ต่อวัน) Plug-in Hybrid อาจคุ้มค่ากว่า เพราะสามารถใช้โหมดไฟฟ้าได้ในระยะทางที่ไกลกว่า และช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
ความต้องการด้านสมรรถนะ:
- หากต้องการรถที่มีสมรรถนะสูง แต่ยังคงประหยัดน้ำมัน Full Hybrid หรือ Plug-in Hybrid อาจเหมาะสมกว่า เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถให้แรงบิดสูงในการออกตัวหรือเร่งแซง
- ถ้าต้องการเพียงการประหยัดน้ำมันเล็กน้อยโดยไม่เน้นสมรรถนะมาก Mild Hybrid อาจเพียงพอ
สรุปบทความ
แม้ว่าการทำความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ Hybrid อาจดูซับซ้อน แต่หากศึกษาข้อมูลให้ดี ก็จะพบว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มากมาย ทั้งในแง่การประหยัดน้ำมันและการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากการเลือกประเภทของรถ Hybrid ที่เหมาะกับการใช้งานแล้ว อีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการเลือกใช้ยางรถยนต์คุณภาพดี อย่างเช่น ยางรถยนต์ Pirelli ที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งยาง EV ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงบิดของรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมียาง SUV คุณภาพสูง ที่ตอบโจทย์เทรนด์การใช้งานรถ Hybrid แบบยกสูงในปัจจุบันอีกมากมาย
PIRELLI ยางรถยนต์คุณภาพมาตรฐานระดับโลกที่อยู่คู่ท้องถนนมานานกว่า 152 ปี มาพร้อมการรับประกัน บาด บวม แตก เคลมฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กม. (เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น ทุกรุ่น ทุกขนาด และลงทะเบียนภายใน 14 วัน)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/pirellibyatv/
บทความจาก Pirelli

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิด 2568 เลือกสีรถยนต์อย่างไรให้เสริมดวง รุ่งเรือง
การเลือกสีรถตามวันเกิดเป็นสิ่ง …