เมื่อมีการใช้รถไปนาน ๆ กลิ่นอับในรถคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้สาเหตุว่ามาจากอะไร จำเป็นต้องรีบจัดการทันทีเลยไหม เมื่อแอร์รถมีกลิ่นอับ และมีวิธีจัดการอย่างไรบ้าง เดี๋ยววันนี้ พิเรลลี่ จะพาไปเจาะลึกถึงปัญหานี้ พร้อมวิธีแก้ไขให้กับทุกคนเอง
สาเหตุของกลิ่นอับในแอร์รถยนต์
กลิ่นอับในรถที่เราได้กลิ่นเวลาเปิดแอร์นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ แต่มีสาเหตุหลัก ๆ จากปัญหาเหล่านี้ ได้แก่
ความชื้นสะสมในระบบปรับอากาศ
เมื่อเปิดใช้แอร์รถยนต์ ความชื้นจะถูกดึงออกจากอากาศและสะสมอยู่ในระบบ หากไม่ได้รับการระบายออกอย่างเหมาะสม ความชื้นนี้จะกลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้แอร์รถมีกลิ่นอับ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นของแอร์ลดลงอีกด้วย
เชื้อราและแบคทีเรียเติบโตในคอยล์เย็น
คอยล์เย็นเป็นส่วนสำคัญในการทำความเย็นของแอร์รถยนต์ แต่ก็เป็นจุดที่มักมีความชื้นสูง ทำให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ดีของเชื้อราและแบคทีเรีย จึงส่งผลให้เกิดกลิ่นอับในรถ หรือกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์ออกมาพร้อมกับลมเย็นจากแอร์
ฝุ่นและสิ่งสกปรกอุดตันในกรองอากาศ
กรองอากาศทำหน้าที่กรองฝุ่นและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าสู่ระบบปรับอากาศ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กรองอากาศจะสะสมฝุ่นและสิ่งสกปรกมากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการกรองลดลง และอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของกลิ่นอับในรถจากเชื้อราและแบคทีเรียได้ ส่งผลให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาเมื่อเปิดใช้งานแอร์
วิธีแก้ปัญหาแอร์รถมีกลิ่นอับใน 5 ขั้นตอนง่าย ๆ
เมื่อแอร์รถมีกลิ่นอับ วิธีที่แก้ปัญหานั้นทำได้ไม่ยาก และส่วนใหญ่เป็นการดูแลรักษาเบื้องต้นเพียงเท่านั้น จะมีเพียงบางกรณีเท่านั้น ที่จำเป็นจะต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดูแลในการถอดทำความสะอาด ซึ่งวิธีทั้งหมด จะมีดังนี้
1. ทำความสะอาดและเปลี่ยนกรองอากาศ
กรองอากาศที่สกปรกเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นอับในแอร์รถ ควรทำความสะอาด หรือเปลี่ยนกรองอากาศทุก 15,000 – 20,000 กิโลเมตร หรือเร็วกว่านั้นหากขับรถในพื้นที่ที่มีฝุ่นมาก เพราะการเปลี่ยนกรองอากาศจะช่วยให้อากาศที่ผ่านเข้ามาในระบบปรับอากาศสะอาดขึ้น และลดโอกาสการเกิดกลิ่นอับในรถได้อย่างมาก
2. ล้างคอยล์เย็นและท่อระบายน้ำ
คอยล์เย็นและท่อระบายน้ำเป็นจุดที่มักสะสมความชื้นและเชื้อรา การล้างทำความสะอาดส่วนนี้จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากต้องถอดชิ้นส่วนบางอย่างออก แต่แนะนำให้ทำความสะอาดส่วนนี้ทุก 1 – 2 ปี หรือเมื่อพบว่ามีกลิ่นอับรุนแรง เพราะการล้างจะช่วยกำจัดเชื้อราและแบคทีเรีย ที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นอับได้ดีกว่า
3. ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับระบบปรับอากาศ
น้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับระบบปรับอากาศ เป็นวิธีที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อราและแบคทีเรีย วิธีใช้คือฉีดน้ำยาเข้าไปในช่องแอร์ขณะเปิดพัดลมระบายอากาศ ปล่อยให้น้ำยาทำงานประมาณ 10 – 15 นาที จากนั้นเปิดแอร์ทิ้งไว้อีกสักครู่ วิธีนี้จะช่วยฆ่าเชื้อและลดกลิ่นอับได้อย่างรวดเร็ว
4. เปิดพัดลมระบายอากาศก่อนดับเครื่องยนต์
ก่อนจอดรถและดับเครื่องยนต์ ให้ปิดแอร์และเปิดพัดลมระบายอากาศที่ความแรงสูงสุดประมาณ 5 – 10 นาที วิธีนี้จะช่วยไล่ความชื้นออกจากระบบปรับอากาศ ลดโอกาสการเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นอับ ทำเป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหากลิ่นอับในระยะยาวได้ดี
5. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมปรับอากาศ
แม้น้ำหอมปรับอากาศจะช่วยให้รถมีกลิ่นหอม แต่ในระยะยาวอาจทำให้เกิดการสะสมของสารเคมีในระบบปรับอากาศ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียและเชื้อรา แนะนำให้ใช้วิธีอื่นในการดับกลิ่น เช่น การทำความสะอาดภายในรถสม่ำเสมอ หรือใช้ถุงผงถ่านดูดกลิ่นแทน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดกลิ่นอับในอนาคต
ไม่อยากให้มีกลิ่นอับในรถต้องดูแลอย่างไร
สำหรับผู้ใช้รถที่ยังไม่มีปัญหาแอร์รถมีกลิ่นอับ และอยากดูแลรักษารถให้สะอาดอยู่เสมอ มาดูวิธีป้องกันปัญหานี้กันบ้างดีกว่า
- ทำความสะอาดกรองอากาศเป็นประจำ อย่างน้อยทุก 6 เดือนหรือทุก 10,000 – 15,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ใช้รถ
- ตรวจสอบและทำความสะอาดท่อระบายน้ำทุก 3 – 6 เดือน เพื่อป้องกันการอุดตันและการสะสมของเชื้อรา
- เปิดใช้งานระบบปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นช่วงอากาศหนาวอย่างหน้าฝน เพื่อให้ระบบแอร์ไม่เกิดการสะสมของความชื้น
- หมั่นทำความสะอาดภายในรถ โดยเฉพาะบริเวณที่อาจสะสมความชื้นได้ง่าย เช่น พรมปูพื้น และเบาะที่นั่ง
สรุปบทความ
แม้ว่าปัญหาแอร์รถมีกลิ่นอับจะเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิด แต่หากเราหมั่นดูแลและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ได้ไม่ยาก เพียงทำความสะอาดกรองอากาศ ล้างคอยล์เย็น และระบายความชื้นอย่างถูกวิธี จะช่วยให้แอร์รถคุณสะอาด เย็นฉ่ำ และปราศจากกลิ่นอับ นอกจากนี้ อย่าลืมให้ความสำคัญกับการดูแลส่วนอื่น ๆ ของรถด้วย โดยเฉพาะการเลือกใช้ยางรถยนต์คุณภาพดี อย่างเช่น ยางรถยนต์ Pirelli ที่มีให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้งการใช้งานในเมืองและนอกเมือง อย่างยาง Pirelli Cinturato P7 ที่มีรุ่นยางรันแฟลตสมรรถนะสูง เหมาะสำหรับรถขนาดกลางและขนาดใหญ่ สามารถขับขี่ได้อย่างอุ่นใจแม้จะเกิดอุบัติเหตุยางรั่วซึม ด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. เป็นระยะทางไม่เกิน 80 กม. แม้จะไม่มีแรงดันลมยาง ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่สามารถไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
PIRELLI ยางรถยนต์คุณภาพมาตรฐานระดับโลกที่อยู่คู่ท้องถนนมานานกว่า 152 ปี มาพร้อมกับการรับประกัน บาด บวม แตก เคลมฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กม. (เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น ทุกรุ่น ทุกขนาด และลงทะเบียนภายใน 14 วัน)
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/pirellibyatv/
บทความจาก Pirelli

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิด 2568 เลือกสีรถยนต์อย่างไรให้เสริมดวง รุ่งเรือง
การเลือกสีรถตามวันเกิดเป็นสิ่ง …