เติมลมรถกระบะ สิ่งที่ควรใส่ใจเพื่อการขับขี่ที่ดี
รถกระบะ เป็นประเภทรถที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย นอกเหนือจากการใช้เดินทางในชีวิตประจำวันแล้ว ยังมีส่วนสำคัญต่อการเคลื่อนย้าย เพราะสามารถขนส่งสิ่งของได้จำนวนมาก มักถูกนำมาใช้ในการประกอบกิจการหลายประเภท อาทิ สวนผลไม้ ร้านขายผัก ร้านรับก่อสร้าง เป็นต้น ไม่น่าแปลกใจที่เห็นภาพรถกระบะถูกนำมาบรรทุกสิ่งของหนัก ๆ อยู่บ่อยครั้ง และนี่อาจเป็นเหตุให้ยางรถยนต์อาจเกิดความเสียหายขึ้นมาได้ ดังนั้นมาดูกันว่าการเติมยางรถกระบะที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร
เติมลมยางสำคัญอย่างไร เหตุใดต้องหมั่นเช็ก
ลมยาง คือ ส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ภายในยางรถยนต์ มีประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนของรถ รวมไปถึงช่วยเรื่องการบรรทุกน้ำหนัก กระนั้นการเติมลมยางมากเกินไปกลับไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เพราะมีโอกาสที่ทำให้ยางรถยนต์เสียหายได้ง่าย ขณะที่รถแต่ละประเภทยังต้องการระดับลมยางที่แตกต่างกัน ดังนั้นจำเป็นต้องเช็กให้ค่า PSI อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะเวลาเมื่อต้องเดินทางไกล
ลมยางรถกระบะ ควรเติมเท่าไหร่ดี
สำหรับค่าความดันลมยางมีหน่ายวัดเป็น Pounds per square inch (PSI) หรือปอนด์ต่อตารางนิ้ว การเติมลมควรจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักการบรรทุก รวมไปถึงรถแต่ละชนิดและรุ่นด้วย โดยสามารถอ้างอิงได้จากคู่มือรถ หรือด้านข้างประตูคนขับ
อย่างไรก็ดีโดยทั่วไปแล้วรถแต่ละชนิดจะต้องได้รับการเติมลมยาง ดังนี้
- รถยนต์ขนาดเล็ก 25-30 ปอนด์
- รถยนต์ขนาดกลาง 30-35 ปอนด์
- รถกระบะ(ไม่บรรทุก) 35-40 ปอนด์
ทั้งนี้ รถกระบะจะใช้ลมยางที่มากกว่ารถยนต์ทั่วไป หากมีการบรรทุกของหนัก ควรมีการเพิ่มแรงดันลมยางให้เหมาะสมมากขึ้น
วิธีเติมลมยางกระบะ หัดเติมก็ทำตามได้
การเติมลมยางควรเติมลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง ส่วนใหญ่แล้วใช้บริการเติมลมยางภายในปั๊มน้ำมันต่าง ๆ ที่ถูกแยกจุดเฉพาะเอาไว้ มีแนวทางปฏิบัติง่าย ๆ ดังนี้
- จอดรถไว้ในพื้นที่ให้บริการเติมลมยาง
- ตั้งค่าลมยางที่ต้องการไว้ที่ตู้ โดยรถกระบะทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 35-40 ปอนด์
- หมุนจุ๊บลมยางออกมา เสียบสายคาไว้เพื่อเติมลมยาง
- รอจนกว่าเครื่องส่งสัญญาณ ซึ่งจะดึงขึ้นเมื่อเติมลมยางถึงระดับที่เหมาะสมแล้ว
- ทำแบบเดียวกันต่อไปให้ครบ 4 ล้อ
- นำสายเติมลมยางไปเก็บไว้ที่เดิม
ข้อเสียจากการเติมลมยางในระดับที่ไม่เหมาะสม
ดังที่กล่าวไปข้างต้น ทั้งเติมลมรถเก๋ง รถกระบะ รถยนต์ทั่วไป ไม่ว่าจะรถชนิดไหนต่างจำเป็นต้องเติมลมยางในระดับที่เหมาะสม มิฉะนั้นจะต้องพบกับปัญหายางเสียหายขึ้นมาได้
การเติมลมยางมากเกินไป
- ทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้น้อยลง เนื่องจากยางมีความตึงมากขึ้น
- ดอกยางสึกตรงกลางหนักกว่าจุดอื่น
- ความนุ่มนวลขณะขับขี่ลดลง
การเติมลมยางน้อยเกินไป
- ทำให้ดอกยางด้านข้างเสื่อมเร็วกว่าปกติ สึกหรอกว่าส่วนอื่น
- เสี่ยงต่อยางระเบิด เนื่องจากเกิดความร้อนภายในยาง
- กินน้ำมันมากขึ้น
การดูแลรักษายาง ไม่ให้จากไปเร็วเกินควร
โดยปกติแล้วยางรถยนต์มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 2-3 ปี หรือประมาณ 30,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ขับขี่ด้วย เมื่อถึงเวลาหรือสังเกตว่ายางเส้นที่ใช้งานอยู่เริ่มเสื่อมสภาพควรทำการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที เพราะถ้าฝืนใช้งานต่อไปอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
การเติมลมยางอย่างเหมาะสม นับเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ยางไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็นเช่นกัน แต่นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ต้องใส่ใจด้วย
- เก็บรักษาในพื้นที่ที่เหมาะสม
การเก็บรักษาในพื้นที่ที่เหมาะสมคือสิ่งที่จำเป็นต่อการป้องกันยางเสื่อมสภาพ เพราะหากนำยางที่ยังไม่ถูกใช้งานมาโดนฝน หรือแสงแดดบ่อย ๆ ซ้อนกันมากเกินไป จะทำให้ยางมีอาการเสื่อมเร็วขึ้น ในทางกลับกันร้านที่มีการดูแลเรียงเข้าสต็อกเป็นอย่างดี วางไว้ในอุณหภมิที่ไม่ชื้นหรือร้อนจนเกินไป จะสามารถรักษาคุณภาพของยางได้อย่างยอดเยี่ยม นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการเลือกซื้อยางด้วย
- เลี่ยงบรรทุกของหนักจนเกินควร
ขึ้นชื่อว่ารถกระบะ การใช้งานเพื่อบรรทุกของมักเป็นเรื่องที่ปกติอยู่แล้ว แต่การบรรทุกของหนักเกินไปย่อมส่งผลเสียต่อยาง ทำให้ยางต้องแบกรับน้ำหนักมาก มีอาการสึกที่เร็วขึ้น ซึ่งสามารถดูข้อจำกัดการรับน้ำหนักยางได้ที่แก้มยาง
- การสลับยางรถยนต์
การสลับยางคือหนึ่งในทางเลือกที่จะช่วยยืดอายุรักษาการใช้งานยางได้นานขึ้น โดยทั่วไปแล้วมักมีการแนะนำให้สลับยางทุก ๆ 6 เดือน หรือทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร เนื่องจากจะเป็นการกระจายการสึกของยางแต่ละเส้นได้
นอกเหนือไปจากการดูแลรักษา และเติมลมยางเหมาะสมแล้ว การเลือกยางที่มีประสิทธิภาพที่ดีต่อรถกระบะคือเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน ลองหันมาใช้ยาง Pirelli by ATV มั่นใจได้ถึงคุณภาพ พร้อมตัวเลือกมากมาย มีผู้ให้คำแนะนำทุกการสั่งซื้อ ทั้งยังมาพร้อมประกันยาง “บาด-บวม-แตก” ที่สามารถเคลมฟรี 1 ปี หรือระยะทาง 25,000 กิโลเมตรโดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขของบริษัท สามารถติดตั้งได้ที่ B-Quik และ MMS ทุกสาขา