ตรวจเช็คสภาพรถเมื่อถึงเวลา ช่วยยืดอายุการใช้งาน การขับขี่ปลอดภัย
อย่างที่หลายคนอาจพอทราบกันดีว่ารถยนต์ทุกคัน เมื่อผ่านการใช้งานมาสักระยะหนึ่งแล้ว สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทำคือการเช็กระยะรถยนต์เมื่อถึงเวลา เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้งานได้ดี มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ป้องกันการเสื่อมสภาพของรถเร็วกว่าปกติ และเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ที่สำคัญหากเจ้าของรถทราบถึงปัญหารถยนต์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ไว การแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ ย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันมีเจ้าของรถหลายคนที่ละเลยการเช็กระยะรถยนต์เพราะคิดว่าไม่เป็นไรเช่นกัน บทความนี้ Pirelli มีคำตอบเช็คระยะรถยนต์จำเป็นแค่ไหน ควรเช็กทันทีเมื่อถึงเวลาหรือรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยตามซ่อมทีหลังดีกว่ากัน
เช็คระยะรถยนต์คืออะไร? จุดไหนสำคัญบ้าง
การเช็กระยะรถยนต์หลังผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง เป็นการบำรุงรักษารถยนต์เพื่อชะลอการเสื่อมสภาพของอะไหล่และองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกรถยนต์ ซึ่งการนำรถเข้าศูนย์เช็กสภาพรถยนต์มีการตรวจสอบที่ละเอียดว่าการเช็กสภาพรถด้วยตัวเอง ที่สำคัญการเช็คระยะรถยนต์จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์หรือตามคู่มือรถคันใหม่ โดยภายในคู่มือมีการระบุรายการที่ต้องได้รับการบำรุงรักษาตามยี่ห้อ รุ่น และปีเฉพาะของรถคันนั้น ๆ ตลอดอายุการใช้งานของรถ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดตารางเช็คระยะรถยนต์ถูกระบุไว้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ระบบไส้กรอง ยางรถยนต์ ไปจนถึงระบบช่วงล่าง ซึ่งการเช็คระยะรถตามคำแนะนำของคู่มือรถไม่ได้ดีต่อความปลอดภัย และสภาพรถที่พร้อมขับขี่เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการรับประกันตามเงื่อนไขในคู่มือของรถคันใหม่อีกด้วย
ก่อนตัดสินใจเลือกพิกัดเช็คระยะรถยนต์ที่ไหนดี ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น เลือกศูนย์บริการรถยนต์ที่มีการบริการครบวงจร มีผู้ชำนาญเป็นผู้ตรวจเช็ก มีอะไหล่ที่เหมาะสมกับรถของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณได้รับการดูแลตามมาตรฐานและมีความปลอดภัย ซึ่งตามปกติแล้วการเช็กระยะรถยนต์มักมีการกำหนดระยะเช็กเริ่มตั้งแต่ 1,000 กิโลเมตรแรกสำหรับรถออกใหม่ และทุก ๆ 10,000 กิโลเมตรหรือ 15,000 กิโลเมตร (ระยะทางขึ้นอยู่กับทางผู้จัดจำหน่ายและประเภทของรถยนต์) หากเลยเวลาเช็กรถยนต์อาจส่งผลทำให้เครื่องยนต์เสียหาย และในบางกรณีผู้จำหน่ายอาจมีสิทธิไม่รับประกัน หากรถยนต์เกิดความเสียหายระหว่างการใช้งาน ซึ่งการเช็กระยะรถสามารถทำได้ 2 แบบ ดังนี้
1. นับจากระยะเวลาในการใช้รถ เหมาะสำหรับคนใช้งานน้อย (เริ่มนับตั้งแต่วันออกรถ)
2. นับจากระยะทางในการใช้งาน เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานรถเป็นประจำ (เลขไมล์ที่วิ่งใช้งาน)
รถบางคันโดยเฉพาะรถที่เพิ่งออกใหม่ อาจไม่มีปัญหาใด ๆ ที่ชัดเจน จึงทำให้เจ้าของรถบางคนละเลยไม่นำรถเข้าศูนย์ แต่ทว่าในความเป็นจริงรถอาจมีปัญหาภายในเพียงแค่ไม่มีสัญญาณใดแจ้งให้ทราบเท่านั้น ซึ่งการไม่นำรถเข้าศูนย์อาจช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในระยะสั้นได้ แต่หากปัญหาลุกลามก็อาจทำให้คุณเสียเงินก้อนใหญ่ได้เช่นกัน ที่สำคัญการเช็กระยะรถยนต์เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ยังช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและป้องกันความเสียหายของรถได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างไรหากรถของคุณมีปัญหาหรือมีสัญญาณเตือนบางอย่าง เช่น รถมีควันดำออกมาแบบไม่ทราบสาเหตุ มีแรงสั่นสะเทือนขณะขับขี่ มีเสียงแปลก ๆ ออกมาจากรถ ฯลฯ กรณีข้างต้นเจ้าของรถไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงรอบระยะเช็กรถ แต่สามารถนำรถไปเช็กความผิดปกติที่ร้านเช็คระยะรถยนต์ใกล้ฉันหรือศูนย์บริการรถยนต์เจ้าประจำได้ทันที เพื่อป้องกันปัญหาบานปลายและเพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่
การเช็กระยะรถยนต์แต่ละช่วงต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง?
การนำรถเข้าเช็กระยะรถยนต์แต่ละครั้ง มักมีการตรวจสอบและปรับเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยจุดเช็กรถที่สำคัญมีหลายจุด ได้แก่ น้ำมันเครื่อง ไส้กรอง ระดับของเหลว ยางปัดน้ำฝน ระบบไฟส่องสว่าง แบตเตอรี่ สายพาน ระบบเบรก ยางรถยนต์ ระบบบังคับเลี้ยว และช่วงล่างต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เสมอ ซึ่งการเปลี่ยนอะไหล่ในแต่ละช่วงมีรายละเอียด ดังนี้
- ระยะเวลาประมาณ 1 – 6 เดือน หรือทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ พร้อมตรวจเช็กยางรถยนต์ ระบบจานเบรกและผ้าเบรก
- ระยะเวลาประมาณ 6 – 12 เดือน หรือทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร นอกจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว ต้องมีการเปลี่ยนไส้กรองต่าง ๆ รวมไปถึงการตรวจความเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝน เช็กระบบเบรก ระบบคลัตช์ ระบบช่วงล่าง และตรวจการรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันคลัตช์ ระบบช่วงล่างทั้งโช้คอัพหน้าและหลัง
- ระยะเวลาประมาณ 12 – 24 เดือน หรือทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองและน้ำมันเกียร์ พร้อมเช็กสภาพสายพานของเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่างไล่ตั้งแต่ระบบบังคับเลี้ยว ระบบคันชัก – คันส่ง และลูกหมาก
- ระยะเวลาประมาณ 12 – 24 เดือน หรือทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ระบบไส้กรองต่าง ๆ เช็กระดับน้ำหล่อเย็น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก น้ำมันคลัตซ์ น้ำมันพวงมาลัย น้ำมันเกียร์ออโต้ และน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ รวมทั้งการเปลี่ยนสายพานขับปั๊ม สายพานแอร์ และใบปัดน้ำฝน
- ระยะไม่เกิน 36 เดือน หรือประมาณ 60,000 กิโลเมตร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ทั้งนี้อาจมีอุปกรณ์บางอย่างที่ต้องเปลี่ยนใหม่เพราะผ่านการใช้งานมานานเกือบ 3 ปี เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ที่ส่วนใหญ่ใช้งานได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง – 2 ปี (ขึ้นอยู่กับการใช้งานและวิธีขับรถ) รวมไปถึงการเปลี่ยนสายหัวเทียน เปลี่ยนที่กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบที่เกี่ยวกับหม้อน้ำ
การเช็กระยะรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถไม่ควรมองข้าม เพราะการเช็กระยะรถไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้การขับขี่เท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้นานขึ้นและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นในอนาคตได้อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าอีกหนึ่งอะไหล่รถยนต์ที่ไม่ควรมองข้ามคือ ยางรถยนต์ ตัวช่วยในการรองรับน้ำหนักและขับเคลื่อนรถไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่น หากกำลังมองหายางรถยนต์คุณภาพดี มาพร้อมการรับประกัน 1 ปีเต็ม แนะนำยางรถยนต์ Pirelli อัดแน่นประสิทธิภาพ มาพร้อมเทคโนโลยีที่หลากหลายช่วยตอบโจทย์ทุกการเดินทาง ที่สำคัญตอนนี้ยังมีโปรโมชั่นประกันยาง 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร หากเกิดปัญหายางบาด บวม และแตกจากอุบัติเหตุต่าง ๆ แจ้งเคลมไว รับยางเส้นใหม่ไปใช้งานทันที สิทธิพิเศษสำหรับการซื้อยางรถยนต์ Pirelli by ATV สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์เพิ่มเติมได้ที่อินบอกซ์เฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires