อยากเช็กสภาพรถยนต์ ต้องมีเงินเท่าไหร่
การตรวจสภาพรถยนต์เป็นสิ่งที่คนมีรถต้องทำเป็นประจำ เพื่อความอุ่นใจว่ารถยนต์ที่ใช้งานมีความพร้อมต่อการใช้งานจริง โดยเฉพาะรถที่มีอายุมากกว่า 7 ปี ควรตรวจสภาพรถเป็นพิเศษ เพราะอะไหล่บางอย่างอาจจะสึกหรอและต้องเปลี่ยนใหม่ได้ รถที่มีการซ่อมบำรุง ดูแล และตรวจสภาพเป็นประจำจะใช้งานได้ยาวนานกว่ารถที่ขาดการดูแลเป็นเวลานาน เจ้าของรถจึงไม่ควรละเลยการตรวจสภาพรถโดยเด็ดขาด
ตรวจสภาพรถยนต์ตอนไหนดี?
การตรวจสภาพรถยนต์มีขึ้นก็เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของอะไหล่และการทำงานของรถยนต์ หากพบสิ่งผิดปกติจะได้แก้ไขได้ทันเวลา การตรวจสภาพรถยนต์ควรทำในช่วงเวลาดังนี้
- ครบกำหนดระยะเวลา
โดยปกติการตรวจสภาพรถยนต์ควรทำทุก ๆ 6 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร ทั้งรถใหม่และรถเก่า ไม่เกี่ยวว่าตรวจสภาพรถยนต์กี่ปี เพราะรถที่เพิ่งใช้งานไม่นานก็สามารถเสียหายได้เช่นกัน แต่รถที่อายุเกิน 7 ปีอาจจะต้องตรวจให้ละเอียดมากขึ้น เพราะมีโอกาสที่สภาพรถและอะไหล่รถเสื่อมโทรมได้มากกว่า
- ต่อภาษีรถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ ต้องตรวจสภาพรถไหม คำตอบคือ ต้องตรวจในกรณีที่รถอายุเกิน 7 ปี หากรถยนต์ยังอายุไม่ถึง 7 ปี ไม่ต้องตรวจสภาพรถยนต์เพื่อต่อภาษี โดยการตรวจสภาพรถเพื่อต่อภาษีรถยนต์นี้ต้องตรวจสภาพรถ ตรอ. (สถานตรวจสภาพรถเอกชน) เท่านั้น
- เดินทางไกล
ก่อนเดินทางไกลจำเป็นต้องตรวจสภาพรถยนต์ก่อน เพื่อความมั่นใจว่ารถยนต์สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย
- สัมผัสความผิดปกติเกี่ยวกับรถ
ถึงแม้รถจะยังไม่ถึงเวลาตรวจสภาพรถประจำปี แต่หากขณะขับขี่สัมผัสได้ว่ารถมีความผิดปกติก็ควรนำรถไปตรวจสภาพเช่นกัน เพราะหากปล่อยไว้นานอาจจะยากในการแก้ไข ต้องเปลี่ยนอะไหล่ใหม่แทน
การตรวจสภาพรถยนต์เป็นประโยชน์มากกับรถ การรู้ปัญหาของรถและแก้ไขได้ทันก่อนจะเกิดอุบัติเหตุช่วยลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก
ตรวจสภาพรถยนต์ ควรเช็กอะไรบ้าง
การตรวจสภาพรถยนต์มีจุดที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษบางจุด เนื่องจากเป็นจุดที่มีโอกาสเกิดความเสียหายได้ง่าย หรือเป็นส่วนที่ทำงานหนักเมื่อรถวิ่ง ดังนี้
แบตเตอรี่รถยนต์ – เช็กระดับน้ำกลั่น ขี้เกลือที่เกาะตามสายแบตเตอรี่ และการเชื่อมขั้วแบตและฉนวนไฟให้เรียบร้อย
ระบบเบรก – ตรวจสอบการทำงานของผ้าเบรก และน้ำมันเบรก เพื่อให้เบรกทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบไฟ – ตรวจเช็กว่าไฟยังคงทำงานได้ดี ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน และไฟตัดหมอก
น้ำมันเครื่อง – เมื่อใช้งานรถยนต์ไปสักระยะหนึ่งแล้วต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เพื่อถนอมเครื่องยนต์
ยางรถยนต์ – สภาพยางรถยนต์ ดอกยาง และรอยแตกลายงาบนแก้มยาง
การตรวจสภาพรถยนต์อาจมีการตรวจภายนอกและภายในเพิ่มเติมตามการบริการของแหล่งตรวจสภาพรถยนต์แต่ละแห่ง ซึ่งผู้เข้ารับบริการสามารถขอให้ช่างตรวจเพิ่มเติมในบางจุดเป็นพิเศษได้
ค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถยนต์
ปัจจุบันมีสถานที่ตรวจสภาพรถใกล้ฉันหลายแห่ง ทั้งการตรวจสภาพรถจากศูนย์ การตรวจสภาพรถ ตรอ. และการตรวจสภาพรถทั่วไป ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไป แต่โดยประมาณค่าใช้จ่ายที่ควรมีเมื่อต้องตรวจสภาพรถมีดังนี้
ตรวจสภาพรถ ตรอ.
ตรอ. เป็นสถานตรวจสภาพรถเอกชน ที่นอกจากจะตรวจสภาพรถแล้ว ยังมีการตรวจสอบคุณสมบัติรถแต่งอีกด้วยว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อนำไปยื่นจ่ายภาษีประจำปี
- รถยนต์ที่หนักไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท
- รถยนต์ที่น้ำหนักเกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 300 บาท
- รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท
ตรวจสภาพรถยนต์ที่ศูนย์รถ
ศูนย์บริการของรถแต่ละยี่ห้อมีบริการตรวจเช็กรถฟรีตามรายการที่กำหนด แต่จะมีค่าใช้จ่ายเมื่อต้องเปลี่ยนอะไหล่รถ ซึ่งอะไหล่จะเป็นอะไหล่ที่ทางแบรนด์รถยนต์เลือกใช้ ทำให้บางครั้งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าตรวจสภาพรถที่ร้านข้างนอก
ตรวจสภาพรถที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์และอะไหล่ยางรถยนต์
ร้านที่จำหน่ายอะไหล่และอุปกรณ์รถยนต์ เช่น ร้านยาง B – Quik มีบริการตรวจสภาพรถเช่นกัน โดยจะให้บริการตรวจสภาพรถฟรี 30 รายการ (อ้างอิงตาม B – Quik โปรแกรม) แต่ผู้ใช้จะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีการเปลี่ยนอะไหล่
รถยนต์เป็นยานพาหนะที่อำนวยความสะดวกในการเดินทาง แต่ก็สามารถเสื่อมสภาพได้เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ทางที่จะชะลอการเสื่อมสภาพก็คือการหมั่นตรวจสภาพรถเป็นประจำ การขับขี่อย่างระมัดระวัง สังเกตป้ายเตือนความปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และการใช้รถอย่างทะนุถนอม รถที่ผ่านการดูแลดีย่อมอยู่ได้นาน อะไหล่ที่ไม่ควรละเลยและไม่ควรมองข้ามสำหรับคนมีรถก็คือยางรถยนต์ แนะนำยางรถยนต์จาก Pirelli by ATV ผู้นำเข้ายางรถยนต์พิเรลลี่ที่มีรุ่นยางครอบคลุมมากที่สุด ยางคุณภาพดี ไว้ใจได้ ซื้อง่ายผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และทางพิเรลลี่ออนไลน์ ทั้ง Shopee และ Lazada