งูเข้าซุกตัวในรถ ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม
หนึ่งในปัญหาของผู้ใช้รถที่มักจะพบเจอได้บ่อย ๆ คือเรื่องเกี่ยวกับสัตว์บนท้องถนน อาทิ ฝูงสัตว์ขวางทาง หรือ หมาตัดหน้ารถ จนกลายมาเป็นอุบัติเหตุที่นอกจากจะสะเทือนใจต่อคนรักสัตว์แล้ว ยังทำให้ผู้ขับขี่ต้องเสียเวลาไปกับการเรียกประกันและซ่อมแซมรถยนต์ แต่อีกปัญหาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับสัตว์และมักพบเจอได้บ่อยครั้งคือเรื่องสัตว์เข้ารถที่มักเข้ามาจากทางห้องเครื่องและหากโชคร้ายอาต้องพบเจอกับสัตว์มีพิษร้ายอย่าง งู ที่สามารถหลุดลอดเลื้อยเข้ามาสู่ห้องผู้โดยสารขณะขับรถอีกด้วย
เข้าใจชีวิตงู เรียนรู้และป้องกันสัตว์ชนิดนี้ได้มากขึ้น
งูเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถพบเห็นได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีลิ้นสองแฉก ปกคลุมด้วยเกล็ดไปทั่วทั้งตัว แม้จะเป็นสัตว์เลื้อยคลาน แต่นับว่ามีความรวดเร็วและปราดเปรียวในการเคลื่อนที่ ขนาด พิษ และความยาวมักจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ โดยทั่วไปแล้วจะเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้กลัวและไม่กัดก่อน นอกจากรู้สึกถึงการบุกรุกหรือรบกวน
ตามปกติแล้วงูทั่วไปจะออกล่าเหยื่อเมื่อรู้สึกหิว โดยมักกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหาร แต่มีบางสายพันธุ์ที่เลือกกินงูด้วยกัน ขณะเดียวกันบางชนิดยังสามารถกินสัตว์ขนาดใหญ่ตั้งแต่สุนัขจนไปถึงวัวด้วย
สำหรับงูมักจะชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ชื้นแฉะและอาศัยอยู่ในพื้นที่สงบ หลบซ่อนตัวจากสิ่งรบกวนต่าง ๆ รวมไปถึงมนุษย์ แต่บางครั้งจะมองหาพื้นที่อบอุ่นเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย จึงเป็นเหตุให้มักพบเจองูได้ตามบ้านเรือนหรือรถยนต์
งูเข้ารถหาไม่เจอ พบบ่อยที่ส่วนไหน
ปัญหางูเข้ารถมักถูกพบเจอได้บ่อยครั้งในส่วนของห้องเครื่อง เนื่องจากเป็นจุดที่สามารถเข้าไปในตัวรถยนต์ได้ง่ายที่สุดและมีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่จากการดับเครื่องยนต์ นอกจากนี้ปัจจัยอื่น ๆ อย่างสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่อาจหลงเข้ามาในห้องเครื่องก็ถือเป็นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะงูเข้ามาเพื่อหาอาหาร
อย่างไรก็ดี มักมีข้อสงสัยว่า งูเข้าห้องโดยสารได้ไหม? คำตอบคือ ได้ หากเผลอเปิดประตูทิ้งไว้หรือปิดไม่สนิท หรือเข้ามาทางอื่น ๆ อย่างรูที่เปิดทิ้งเอาไว้จากห้องเครื่อง รวมไปถึงจากการเปิดปุ่มรับอากาศจากภายนอกที่เชื่อมต่อกับช่องแอร์
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2563 ได้เกิดเคสตัวอย่างขึ้น เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งจอดรถในช่วงเวลาที่มีฝนตก ก่อนจะสตาร์ทรถและค่อย ๆ ขับออกไป แต่หลังจากนั้นกลับพบงูเลื้อยออกมาช้า ๆ ผ่านทางช่องแอร์ ทำให้เจ้าตัวต้องรีบจอดรถและลุกหนีออกไปทันที
ขณะที่อีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นในปี 2565 โดยชายคนหนึ่งมีปัญหาเรื่องพัดลมเสีย จึงตัดสินใจขับรถเข้าอู่เพื่อเช็กและซ่อมแซมรถกระบะ แต่สุดท้ายกลับเจองูอยู่ภายในทำให้ต้องรื้อชิ้นส่วนรถเพื่อนำงูออกมา จะเห็นได้จากทั้งสองเคส การประสบปัญหางูเข้ารถนอกจากเสียเวลา เสี่ยงเกิดอันตราย และยังเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยทีเดียว
อย่างไรก็ดี สำหรับสายความเชื่อ งูเลื้อยเข้ารถ ทำนายเป็นการเสี่ยงโชคได้เช่นกัน โดยมักนิยมเลขตามทะเบียนรถยนต์คันนั้น ๆ นั่นเอง
งูเข้ารถทำยังไง ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้
- ตั้งสติให้มั่น รักษาสมาธิเอาไว้ เพราะหากสติหลุดอาจเกิดอันตรายบนท้องถนน หรือเกิดอุบัติเหตุต่อรถคนอื่น ๆ ได้
- พยายามมองหาจุดจอดรถที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด หากเป็นท้องถนนที่มีรถสัญจรไปมา ให้จอดชิดทางเท้าและเปิดไฟฉุกเฉินเป็นสัญญาณบอกรถคันหลัง
- ออกมาจากตัวรถ หากงูเลื้อยจากทางฝั่งคนขับ ให้ปีนไปเบาะผู้โดยสารด้านข้างและออกจากตัวรถ
- ถ้ามีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนอยู่ในตัว พยายามถ่ายรูปงูเอาไว้ เพื่อบอกสายพันธุ์ต่อผู้ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ
- หากไม่ทราบสายพันธุ์ของงูหรือไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการจับสัตว์เลื้อยคลาน ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้นำงูออกจากรถ เบื้องต้นสามารถติดต่อหน่วยงานหรือเบอร์โทรฉุกเฉินได้ ดังนี้
- สวพ.91 – โทร. 1644
- จส.100 – โทร. 1137
- สายด่วนงูเข้าบ้าน – โทร. 1677
- กู้ภัย – โทร. 199
- เหตุด่วนเหตุร้าย – โทร. 191
รวมวิธีป้องกันสัตว์มีพิษเข้ารถยนต์
- หลีกเลี่ยงการจอดพื้นที่รก
การจอดรถในพื้นที่รกหรือมีหญ้าขึ้นสูงเป็นอีกจุดที่มีโอกาสเกิดเหตุสัตว์มีพิษเข้ารถได้ เนื่องจากโดยปกติพื้นที่รกร้างมักจะมีสัตว์เลื้อยคลานซ่อนอยู่ จึงมีโอกาสที่สัตว์จำพวกดังกล่าวจะหลบหนีเข้ามาในห้องเครื่องเพื่อหาอาหารหรือเปลี่ยนที่อยู่อาศัยชั่วคราวได้
- หลีกเลี่ยงการจอดใต้ต้นไม้
การจอดรถใต้ต้นไม้ แม้จะเป็นเรื่องดีที่มอบร่มเงาทำให้รถไม่สะสมความร้อนมากจนเกินไป แต่ก็มีโอกาสที่สัตว์มีพิษซึ่งซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้อาจตกลงมาบนรถยนต์ของผู้ขับขี่ พร้อมย้ายเข้ามาอาศัยในตัวรถแทน
- ปิดประตูให้มิดชิด
บ่อยครั้งที่มักพบเห็นผู้ขับขี่บางส่วนเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศหรือลืมปิดประตูรถให้สนิท ส่งผลให้แมลงหรือสัตว์มีพิษสามารถเลื้อยผ่านเข้าไปได้ง่าย นับว่าอันตรายมากหากพบสัตว์มีพิษอยู่ที่เท้าขณะกำลังขับรถอยู่บนท้องถนน
- ตรวจเช็กสภาพรถ
การตรวจเช็กสภาพรถไม่ใช่เพียงเช็กตัวเครื่องหรือตัวรถเพียงแค่ก่อนออกเดินทางเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเช็กสภาพรถยนต์จากอู่หรือศูนย์ให้บริการทั่วไปอย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลา นอกเหนือจากจะทำให้ปลอดภัยเวลาขับรถบนท้องถนนแล้ว ยังอาจตรวจพบรูหรือช่องว่างผิดปกติที่สามารถทำให้สัตว์มีพิษคืบคลานเข้ามาหาผู้ใช้รถได้เช่นกัน
การตรวจสภาพรถเป็นประจำ ย่อมต้องการงานบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม ไม่มีหมกเม็ด เหมือนกับ Pirelli by ATV ที่ให้บริการหลังการขายสุดคุ้มค่า ด้วยประกันยางบาด ยางบวม และยางแตก ที่สามารถเคลมฟรี 1 ปี หรือระยะทาง 25,000 กิโลเมตรภายใต้เงื่อนไขของบริษัท เพียงแค่ซื้อยางรุ่นใด ขนาดใดก็ได้ จำนวน 4 เส้น สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อินบอกซ์เฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires