สอบใบขับขี่ออนไลน์ ต่อใบง่าย ไม่ยุ่งยาก
ปัจจุบันเป็นยุคโลกาภิวัตน์ที่สามารถสร้างการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้คนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจะมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ยังถูกยกระดับให้สามารถติดต่อประสานงานกับองค์กรต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว หนึ่งในนั้นคือ การต่อใบขับขี่ออนไลน์ ที่โดยปกติแล้วต้องเดินทางไปถึงกรมขนส่งทางบกเท่านั้น แต่ปัจจุบันเพียงแค่ปลายนิ้วทางเว็บไซต์ อ่านเงื่อนไข ปฏิบัติตามขั้นตอนผ่านออนไลน์ก็สามารถจัดการได้ทันทีทันใด ไม่ยุ่งยาก ทั้งยังสะดวกรวดเร็วอีกด้วย นับเป็นสิ่งที่ผู้หัดขับรถมือใหม่ควรเรียนรู้เอาไว้
ใบขับขี่คืออะไร รู้ไว้ก่อนต่อใบขับขี่ไม่เสียหาย
ใบขับขี่ หรือเรียกทางการขึ้นมาหน่อยว่า “ใบอนุญาตขับขี่” เป็นบัตรเอกสารทางราชการที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ถือได้รับอนุญาตให้สามารถขับขี่ยานพาหนะที่กำหนดไว้ได้บนท้องถนนสาธารณะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักถูกออกให้ต่อเมื่อมีการยื่นคำร้องขอผ่านการทดสอบขับรถ แต่ในทางกลับกันบางประเทศ ผู้ที่ต้องการฝึกหัดขับรถต้องมีใบอนุญาตก่อน โดยขั้นตอนและความยากง่ายของการขอใบอนุญาตแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันไป ขณะที่ในทางกลับกันหากใบขับขี่หมดอายุต้องต่อหรือทำใหม่ให้ถูกต้อง
สำหรับในประเทศไทย ผู้ที่จะทำใบขับขี่รถยนต์ได้ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ส่วนมอเตอร์ไซค์ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งจะได้รับการดูแลจาก กรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสาขาของกรมการขนส่งทางบกทั่วประเทศ
ใบขับขี่ในอดีต แบบนี้ก็มีด้วย
เชื่อหรือไม่ ตามกฎหมายในอดีต ผู้ที่ขับรถจักรยานถีบ รถลาก และรถเข็น(ยกเว้นเกวียน) จะต้องได้รับใบอนุญาตก่อนเช่นกัน ซึ่งหากผู้ใดต้องการฝึกหัดขับขี่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนอีกด้วย ตามพระราชบัญญัติล้อเลื่อน พ.ศ. 2478 กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นกฎหมายที่ล้าสมัย จนมีการเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง
ใบขับขี่หมดอายุ จำเป็นต้องต่อภายในกี่วัน
การต่อใบขับขี่สามารถติดต่อทำล่วงหน้าได้นานถึง 3 เดือนก่อนวันหมดอายุ แต่หากขาดอายุไม่เกิน 1 ปีจะสามารถต่อได้ทันที เสียเพียงค่าธรรมเนียมเท่านั้น
แต่หากผู้ใดใบขับขี่หมดอายุนานเกิน 1 ปี แต่ไม่เกินระยะเวลา 3 ปี จะต้องเข้ารับการสอบข้อเขียนใหม่อีกครั้ง พร้อมรอทำใบขับขี่ใหม่
อย่างไรก็ดี หากผู้ใดใบขับขี่หมดอายุนานเกิน 3 ปีขึ้นไป ต้องสอบใบขับขี่ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาคปฏิบัติ หรือข้อเขียนก็ตาม
อบรมใบขับขี่ออนไลน์ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
ในปัจจุบันการขอเข้ารับการอบรบ หรือต่อใบขับขี่ออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่จำเป็นต้อง Walk-in เข้าไปถึงกรมขนส่งทางบกจนต้องเสียเวลาจองคิวทั้งวัน โดยสามารถเริ่มต้นได้จากแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือ DLT e-learning ได้ทันที เรียบง่ายคล้ายจองทะเบียนรถออนไลน์ สามารถทำตามขั้นตอนได้ ดังนี้
DLT Smart Queue
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ให้เรียบร้อย
- เข้าสู่แอปพลิเคชัน ลงทะเบียน – กรอกข้อมูลของตัวเองให้ครบถ้วน
- เข้าสู่ระบบตามที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้
- เลือกสำนักงานขนส่งในพื้นที่ที่สะดวก
- เลือกประเภทงานใบอนุญาต
- เลือกประเภทของงานใบอนุญาต เลือกประเภทที่เข้ารับบริการ และ เลือกยานพาหนะ
- เลือกประเภทงาน ซึ่งจะแบ่งแยกย่อยในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ต่อใบขับขี่จาก 5 ปีเป็น 5 ปี(อบรมที่สำนักงาน) หรือ ต่อใบขับขี่จาก 5 ปีเป็น 5 ปี(อบรมผ่าน E-Learning) เป็นต้น
- เลือกวัน เวลา ที่สะดวกต่อการดำเนินการให้เรียบร้อย ซึ่งในแต่ละส่วนจะจัดแจงให้ทราบว่า เลือกเวลาไหนได้บ้าง หรือเหลือที่ว่างอยู่กี่ท่าน
- กดตกลง พร้อมรับ QR Code เป็นหลักฐาน และข้อมูลการจอง
DLT e-learning
- เข้าสู่เว็บไซต์ DLT e-learning.com เพื่อเข้ารับการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
- กรอกรายละเอียดข้อมูลการลงทะเบียนให้ครบถ้วน
- เลือกการอบรมตามใบอนุญาตในแบบที่ต้องการ เช่น ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล อบรม 1 ชั่วโมง ใบอนุญาตขับรถขนส่ง อบรม 2 ชั่วโมง และ ใบอนุญาตขับรถสาธารณะ 3 ชั่วโมง เป็นต้น
- ดูวีดีโออบรมให้เรียบร้อย ครบถ้วน พร้อมตอบคำถาม ไม่สามารถปิด หรือกดข้ามได้
- บันทึก QR Code เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน (ผลการอบรมมีอายุ 6 เดือน)
เข้าจัดการขั้นตอนที่สำนักงานขนส่งที่เลือกไว้
หลังจากเข้ารับการกรอกข้อมูลจองคิวทางแอปพลิเคชัน และเข้ารับการอบที่ DLT e-Learning แล้ว ข้อปฏิบัติที่ต้องทำคือ การเตรียมเอกสารให้คบถ้วน ซึ่งมีดังนี้
- บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์
- ใบอนุญาตขับรถฉบับจริง
- หลักฐานการจองคิวในแอปพลิเคชัน (หน้า QR Code)
- หลักฐานเข้ารับการอบรมออนไลน์ (หน้าบันทึก QR Code)
หลังจากนั้นเดินทางไปยังสำนักงานตามวันเวลาที่เลือกไว้ ซึ่งเนื่องจากการจอง และอบรบเรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องเสียเวลามากนัก ทำตามขั้นตอนระเบียบตามเจ้าหน้าที่แนะนำได้ทันที
ต่อใบขับขี่มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
การทำใบขับขี่ออนไลน์ หรือการต่อใบขับขี่ล้วนต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน
- การต่อใบขับขี่แบบ 2 ปี เป็น 5 ปี จะต้องเสียค่าคำร้อง 5 บาท หากเป็นประเภทรถยนต์ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก 500 บาท (รวมเป็น 505 บาท) ส่วนมอเตอร์ไซค์ 250 บาท (รวมเป็น 255 บาท)
- การต่อใบขับขี่แบบ 5 ปี เป็น 5 ปี จะต้องเสียค่าคำร้อง 5 บาท หากเป็นประเภทรถยนต์ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก 500 บาท (รวมเป็น 505 บาท) ส่วนมอเตอร์ไซค์ 250 บาท (รวมเป็น 255 บาท)
โทษปรับสำหรับผู้ที่ไม่ยอมต่อใบขับขี่
การขับรถยนต์ต้องมีใบขับขี่อนุญาตตามกฎหมาย ฉะนั้นหากใครไม่ยอมต่อใบขับขี่ในระยะเวลาที่กำหนด จะถูกเพิกถอน หรือถูกยึดใบขับขี่ ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ขณะเดียวกันหากผู้ใดไม่มีใบขับขี่จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าใบขับขี่คือเรื่องสำคัญต่อผู้ใช้รถยนต์ การปล่อยปละละเลยไม่ต่อใบขับขี่ที่หมดอายุสามารถนำพาผลร้ายมาสู่ผู้ใช้งานรถได้ เช่นเดียวกับยางรถยนต์ที่ห้ามเมินเฉยเด็ดขาด ควรใช้งานยางคุณภาพสูงที่เสริมความปลอดภัย คลายกังวลเรื่องอุบัติเหตุ ลองมาสัมผัสได้ที่ Pirelli by ATV ที่นี่มีทางเลือกยางรถยนต์ให้มากมาย มีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา มาพร้อมกับประกัน “บาด-บวม-แตก” สามารถเคลมยางฟรี 1 ปี หรือระยะทาง 25,000 กิโลเมตรโดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขของบริษัท