แนะวิธีแก้ไข เมื่อแบตรถหมดกลางทาง
แบตเตอรี่รถเปรียบเสมือนขุมพลังที่ช่วยให้รถยนต์เคลื่อนได้ เพราะทำหน้าที่ตั้งแต่สตาร์ทเครื่องและจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ ด้วยเหตุนี้ผู้ขับขี่ต้องคอยดูแลและบำรุงรักษาแบตรถอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าไม่ใส่ใจแบตเตอรี่อาจเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด จนเกิดปัญหาแบตเตอรี่รถหมดกระทันหันหรือรถแบตหมดกลางทาง และถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับรถของคุณจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ตามมาหาคำตอบกัน
แบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี
หากถามว่าแบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานนานแค่ไหน ? คำตอบคือ โดยเฉลี่ยแล้วแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 3 ปี ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกต้องอาจมีอายุการใช้งานได้นานถึง 5 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทั้งสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดจนทำให้อายุของแบตเตอรี่สั้นลง ความถี่ในการใช้รถก็ส่งผลเช่นเดียวกันโดยเฉพาะรถจอดทิ้งไว้นาน อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ยิ่งสั้นลงตามระยะเวลาที่จอดรถไว้โดยไม่มีการใช้งานหรือคอยสตาร์ทเครื่อง รวมไปถึงการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าบนรถทำให้กระแสไฟฟ้าถูกแบ่งไปยังอุปกรณ์เหล่านี้ และแบตเตอรี่ต้องทำงานหนักขึ้นจนแบตเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
4 สัญญาณเตือนแบตเตอรี่รถยนต์ใกล้หมดสภาพ
(1) รถสตาร์ทติดยาก
การสตาร์ทรถต้องใช้กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่เริ่มเก็บประจุไฟไม่อยู่และจ่ายไฟได้น้อยลง เป็นผลให้เวลาสตาร์ทเครื่องยนต์เสียงมอเตอร์สตาร์ทจะหมุนช้าเหมือนไม่มีแรงหรือสตาร์ทติดได้ยาก เบื้องต้นให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าปัญหาเกิดจากกำลังไฟในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ
(2) ไฟหน้ารถสว่างน้อยลง
หากเวลาขับรถกลางคืนแล้วสังเกตเห็นว่า ไฟหน้ารถมีความสว่างลดลงมีความเป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์กำลังมีปัญหา
(3) ระบบไฟในรถเริ่มทำงานผิดปกติ
ถ้าระบบภายในรถที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ อย่างกระจกไฟฟ้า ระบบล็อกประตู หรือระบบไฟส่องสว่างตามจุดต่าง ๆ ทำงานได้ช้าลงหรือสว่างไม่เท่าเดิม นั่นแสดงว่ากำลังไฟจากแบตเตอรี่ของคุณไม่เพียงพอ
(4) ต้องพ่วงแบตเตอรี่เป็นประจำ
นี่เป็นอีกสัญญาณเตือนที่สามารถพบได้ทั้งรถใหม่หรือรถเก่า ด้วยสาเหตุที่ทำต้องพ่วงแบตเตอรี่รถเป็นประจำมีทั้งการลืมปิดไฟหน้ารถหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างจนทำให้รถแบตหมดเกลี้ยง แม้การพ่วงแบตเพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการสตาร์ทรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานรถได้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องดีเพราะอาจทำให้แบตรถเสื่อมเร็วกว่าปกติ
แบตรถยนต์หมดกลางทาง ทำยังไงดี
เมื่อทราบกันแล้วว่ารถแบตหมด อาการเป็นอย่างไร ? หากตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะรถแบตหมด สตาร์ทไม่ติด หรือรถสตาร์ทติดยาก สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติแล้วขอพ่วงแบตเตอรี่กับรถยนต์คันอื่น โดยมีขั้นตอนดังนี้
(1) ปิดสวิตช์และอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของรถ รวมทั้งห้ามสูบบุหรี่หรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟ
(2) ขอความช่วยเหลือจากรถยนต์คันอื่นที่สามารถให้พ่วงแบตเตอรี่ได้ โดยให้รถที่มีแบตเตอรี่ปกติจอดหันหน้าเข้าหารถยนต์ของเราให้ใกล้ที่สุดแล้วดับเครื่อง
(3) นำสายพ่วงแบตเตอรี่ขั้วบวก(สีแดง) ต่อกับแบตเตอรี่ขั้วบวกของรถคันที่แบตเตอรี่หมดก่อน แล้วมาต่อกับรถที่มาช่วย
(4) นำสายพ่วงแบตเตอรี่ขั้วลบ(สีดำ) ต่อกับแบตเตอรี่ขั้วลบของรถคันที่มาช่วย โดยอีกฟากให้หนีบที่โลหะในเครื่องยนต์ของรถที่แบตเตอรี่หมด เป็นการสร้างระบบกราวนด์ของแบตเตอรี่
(5) เมื่อต่อสายพ่วงแบตครบแล้ว ให้เริ่มสตาร์ทรถคันที่มาช่วยเหลือทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วเร่งเครื่องยนต์เป็นระยะ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า
(6) จากนั้นให้ลองสตาร์ทรถคันที่แบตหมดว่าติดหรือไม่ ถ้าสตาร์ทติดให้ถอดสายพ่วงจากรถคันที่แบตหมดก่อนและค่อยถอดรถคันที่มาช่วย
(7) ให้สตาร์ทรถทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงหรือขับรถตามปกติ แต่อย่าเพิ่งใช้อุปกรณ์ในรถที่ใช้ไฟมาก หรือจะนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็กสภาพแบตเตอรี่ก็ได้เช่นกัน
แต่ถ้ารถแบตหมด ไม่มีสายพ่วง หรือเกิดเหตุในเส้นทางที่ไม่ค่อยมีรถสัญจรไปมา แนะนำให้โทรขอความเหลือกับบริษัทประกันที่มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินหรือเบอร์โทรฉุกเฉิน เช่น
- 191 ติดต่อแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- 1137 วิทยุ จส.100
- 1146 กรมทางหลวงชนบท
- 1197 ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจรตำรวจ
- 1644 สวพ. FM91
- 1193 ตำรวจทางหลวง
- 1584 กรมการขนส่งทางบก
- 1586 สายด่วนกรมทางหลวง
- 1543 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
- 1677 สายด่วนร่วมด้วยช่วยกัน
นี่เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นกรณีประสบเหตุรถแบตหมดกลางทาง และเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันบนท้องถนนที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรง ก่อนขับรถทางไกลทุกครั้งควรนำรถไปตรวจสภาพ เพื่อเช็กความพร้อมของรถเสมอ ซึ่งยางรถยนต์ชิ้นส่วนที่รับน้ำหนักของรถยนต์และผู้โดยสาร รวมถึงเป็นส่วนที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนตลอดเวลา เป็นอีกจุดที่ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบก่อนเดินทาง เพื่อเพิ่มความอุ่นใจว่ายางรถไม่มีรอยแตกลายงา ดอกยางสภาพดี และแก้มยางไม่ได้รับความเสียหาย
แต่ถ้าปรากฏว่ายางอยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน และต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่แต่ไม่รู้จะเลือกยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ขอแนะนำยางรถยนต์ Pirelli ที่มียางรถยนต์หลายรุ่นหลายขนาดทั้งรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ขนาดกลาง รถกระบะ รถ SUV ให้ความนุ่มเงียบ ยึดเกาะดีเยี่ยม ทนทาน และประหยัดน้ำมัน ทั้งสามารถหาซื้อได้ง่ายทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ด้วย สอบถามเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires