เกิดอุบัติเหตุบนทางด่วน ทำอย่างไรดี
เรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะขับรถด้วยความระมัดระวังมากแค่ไหนก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนบนท้องถนนทั่วไปหรือในซอย ผู้ขับขี่คงสามารถรับมือและแก้ไขปัญหาได้ไม่ยาก แต่ถ้ารถชนบนทางด่วน ควรทำอย่างไรดี ? เพราะจุดเกิดเหตุดังกล่าวไม่ค่อยมีจุดแวะพักรถ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนตามทีมงาน Pirelli มาดูวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นกัน
ทางด่วน คืออะไร มีเส้นทางไหนบ้าง
ทางด่วน (Expressway) เป็นทางพิเศษที่อยู่ภายใต้การดูแลของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยเปิดให้ใช้บริการในลักษณะเก็บค่าผ่านทาง ปัจจุบันนี้ทางด่วนมีทั้งหมด 8 สาย ได้แก่
- ทางด่วนเฉลิมมหานคร หรือทางด่วนขั้นที่ 1 (ดินแดง-ท่าเรือ , บางนา-ท่าเรือ , ดาวคะนอง-ท่าเรือ)
- ทางด่วนศรีรัช หรือทางด่วนขั้นที่ 2 (บางโคล่-แจ้งวัฒนะ , พญาไท-ศรีนครินทร์)
- ทางด่วนฉลองรัช (จตุโชติ-รามอินทรา-อาจณรงค์)
- ทางด่วนบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี)
- ทางด่วนอุดรรัถยา (แจ้งวัฒนะ-บางปะอิน)
- ทางพิเศษสาย S1 (อาจณรงค์–บางนา)
- ทางด่วนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกด้านใต้ (บางพลี-พระราม 2)
- ทางพิเศษสายศรีรัช–วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ (ทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวน, ทางด่วนหมอชิต-วงแหวน)
6 วิธีรับมือเมื่อเกิดเหตุรถชนบนทางด่วน
เมื่อเกิดเหตุรถชนบนทางด่วน ทำไง เชื่อว่าผู้ขับขี่จำนวนไม่น้อยที่ตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวไม่รู้ว่าควรปฏิบัติตัวแบบไหน เพื่อให้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยดี ดังนั้นมาดูกันถ้ารถโดนชนบนทางด่วนต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
(1) เปิดไฟฉุกเฉิน
เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถถูกเฉี่ยวชนหรือโดนชนท้าย ให้ผู้ขับขี่เปิดไฟฉุกเฉินรถยนต์ทันทีเพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้เพื่อนร่วมทางทราบว่ารถของคุณเกิดอุบัติเหตุหรือรถของคุณกำลังมีปัญหา จะได้ขับเลี่ยงบริเวณดังกล่าวด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
(2) โทรขอความช่วยเหลือ
ให้ผู้ขับขี่ติดต่อศูนย์บริการผู้ใช้ทางด่วนพิเศษเพื่อแจ้งเหตุรถชนที่เบอร์โทรฉุกเฉิน 1543 และ 02-664-6400 กรณีมือถือแบตหมดให้ใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินที่มีให้บริการตามไหล่ทางทุก ๆ 500-1,000 เมตร
(3) แจ้งบริษัทประกัน
ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยควรโทรแจ้งข้อมูลการเกิดเหตุให้แก่บริษัทประกันภัยรถยนต์ได้รับทราบทันที เพื่อขอคำปรึกษาและทำการนัดหมายสถานที่กับทางบริษัทประกันเพื่อไปทำเรื่องเคลมที่ทางลงของทางด่วน
(4) ถ่ายรูปจุดเกิดเหตุ
เพื่อป้องกันคู่กรณีหลบหนี รวมถึงใช้ภาพเพื่อประกอบการเคลมประกัน แนะนำให้ถ่ายรูปจุดและรอยที่เกิดเหตุ รูปบัตรประจำตัวของคู่กรณีเก็บไว้ด้วย
(5) ประเมินสถานการณ์ของอุบัติเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาถึงจะทำการประเมินสถานการณ์ของอุบัติเหตุ ว่าสามารถขับต่อไปได้หรือต้องใช้รถยกเคลื่อนย้าย โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะจดบันทึกและเก็บภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุ เพื่อบันทึกเป็นหลักฐานและส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
(6) นัดพบคู่กรณีและเจ้าหน้าที่บริษัทประกัน
ก่อนนำรถลงจากทางด่วนให้ทำการนัดหมายกับคู่กรณีและเจ้าหน้าที่บริษัทประกันว่า จะไปตกลงเรื่องความเสียหายที่เกิดตรงจุดไหน โดยอาจเลือกเป็นสถานีตำรวจทางด่วนหรือสถานีตำรวจในเขตพื้นที่ก็ได้เช่นเดียวกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่บริษัทประกันของทั้ง 2 ฝ่าย ทำการเข้าตรวจเช็กสภาพความเสียหายของรถยนต์ก่อนทำเรื่องเคลม
รถชนบนทางด่วน ทำไมห้ามบริษัทประกันขึ้นไปเคลียร์
หากพิจารณาวิธีรับมือรถชนบนทางด่วนข้างต้น จะพบว่าเจ้าหน้าที่บริษัทประกันไม่สามารถขึ้นไปเคลียร์บนทางด่วนได้ เชื่อว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าเพราะเหตุใด ? คำตอบคือ เนื่องจากทางด่วนหรือทางพิเศษ เป็นเส้นทางที่กฎหมายกำหนดให้ใช้ความเร็วสูงในการขับรถ การที่เจ้าหน้าที่บริษัทประกันซึ่งใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก จึงไม่สามารถขับขี่บนทางด่วนได้ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 139 ในระเบียบเกี่ยวกับการจราจรในทางพิเศษ พ.ศ. 2524 ห้ามมิให้รถจักรยานยนต์วิ่งในทางพิเศษ ผู้ใดฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย จะต้องถูกระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท ประกอบกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ประกันภัยดำเนินการเคลียร์อุบัติเหตุบนทางพิเศษด้วยนั่นเอง
อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลา การขับขี่อย่างมีสติ ไม่ประมาท รวมถึงตรวจเช็กสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอก็ช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้เช่นเดียวกัน เพราะทำให้ผู้ขับขี่ทราบว่าอะไหล่ตรงจุดไหนชำรุดหรือต้องเปลี่ยนใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่บ้าง โดยเฉพาะยางรถยนต์เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญมาก หากพบว่ายางรถยนต์เสื่อมสภาพตามการใช้งาน ควรรีบเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที ถ้าไม่รู้ว่าเป็นยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ? ขอแนะนำยางรถยนต์ Pirelli ผู้ผลิตยางรถยนต์สัญชาติอิตาลีที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก อีกทั้งยางพิเรลลี่มีตัวเลือกยางรถยนต์ให้เลือกมากมาย ที่สำคัญเลือกซื้อยาง Pirelli by ATV ผู้นำเข้ายาง Pirelli ยังรับประกันเปลี่ยนฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ 4 เส้น (ต่อรถ 1 คัน ใน 1 ใบเสร็จ) อีกด้วย หากอยากเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีกว่าเดิม พร้อมรับความคุ้มค่าจากการรับประกันยาง สามารถสั่งซื้อยางรถยนต์ Pirelli ทั้งทางออนไลน์และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ