ตลาดรถ B-SUV ในปัจจุบัน กำลังได้รับความนิยมอย่างมาในบ้านเรา โดยเฉพาะรถยนต์ Hybrid เพราะเป็นประเภทรถที่อเนกประสงค์ และมีขนาดกำลังพอดี และรุ่นที่หลายคนเฝ้ารออย่าง Mitsubishi XForce ก็ได้เปิดตัวกันไปแล้ว วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกทุกรายละเอียดของ B-SUV ที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ ซึ่งรถยนต์ที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ ทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น ไปดูกันว่ารถรุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
รู้จัก Mitsubishi XForce 2025 : SUV ดีไซน์เฉียบ ฟังก์ชันจัดเต็ม
Mitsubishi XForce 2025 คือ รถยนต์ Compact SUV 5 ที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งของคนยุคใหม่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่แข็งแกร่งและสง่างาม มาพร้อมขุมพลัง Full Hybrid ที่ได้รับการพัฒนาให้เหนือกว่าเดิม มอบทั้งความแรงและความประหยัด พร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครันเกินใครในคลาส
คอนเซ็ปต์การออกแบบและจุดเด่นที่น่าสนใจของ XForce
Mitsubishi XForce 2025 ถูกรังสรรค์ภายใต้แนวคิด “Best-suited buddy for an exciting life” หรือเพื่อนร่วมทางที่รู้ใจสำหรับชีวิตที่น่าตื่นเต้น ผสมผสานความแข็งแกร่ง (SOLID) เข้ากับความสง่างาม (SILKY) ได้อย่างลงตัว จุดเด่นคือดีไซน์ Dynamic Shield ยุคใหม่ ไฟหน้า-ไฟท้าย LED ทรง T-Shape อันเป็นเอกลักษณ์ และภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง มอบความสะดวกสบายเหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน
ราคาเปิดตัว Mitsubishi XForce 2025 และรายละเอียดทุกรุ่นย่อย
การเปิดตัว Mitsubishi XForce 2025 ในประเทศไทยมาพร้อมกับราคาที่น่าสนใจและตัวเลือก 3 รุ่นย่อยที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับงบประมาณและไลฟ์สไตล์ของตนเองได้อย่างลงตัว
- รุ่น Ignite ราคา 899,000 บาท
- รุ่น Ultimate ราคา 1,039,000 บาท
- รุ่น Ultimate X ราคา 1,089,000 บาท
สเปคเครื่องยนต์ ขุมพลัง และมิติตัวถัง Mitsubishi XForce 2025
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของ Mitsubishi XForce 2025 คือด้านวิศวกรรมที่ถูกพัฒนามาเป็นพิเศษสำหรับตลาดประเทศไทย ทั้งเครื่องยนต์ไฮบริดเจเนอเรชันใหม่และช่วงล่างที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในคลาส ทำให้สมรรถนะของ Mitsubishi XForce 2025 มีความโดดเด่นและน่าจับตามองอย่างยิ่ง
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
- เครื่องยนต์ : New Generation HEV เป็นระบบ Full Hybrid ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร 4 สูบ MIVEC กำลังสูงสุด 107 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร
- แบตเตอรี่ : Lithium-ion ขนาด 1.1 kWh
- ระบบส่งกำลัง : 2-SPEED TRANSAXLE ใหม่ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งอัตราเร่งและการประหยัดน้ำมันในความเร็วสูง
- อัตราสิ้นเปลือง : เคลมตัวเลขเฉลี่ยไว้ที่ 24.4 กม./ลิตร (ดีกว่า Xpander HEV)
มิติตัวถัง ฐานล้อ และความกว้างห้องโดยสาร
- ความยาว x กว้าง x สูง: 4,390 x 1,810 x 1,660 มม.
- ระยะฐานล้อ : 2,650 มม.
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) : 183 มม.
- จุดเด่น : มีมิติตัวถังใหญ่และมีฐานล้อยาวที่สุดในกลุ่ม B-SUV ส่งผลให้มีพื้นที่ห้องโดยสาร โดยเฉพาะเบาะหลังที่กว้างขวางและนั่งสบายที่สุดในคลาส
ระบบขับเคลื่อน ช่วงล่าง และโหมดการขับขี่
- ระบบขับเคลื่อน : ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD)
- ช่วงล่าง : ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงและเหล็กค้ำโช้ค ด้านหลังทอร์ชันบีม ได้รับการปรับจูนเป็นพิเศษเพื่อการยึดเกาะถนนและความนุ่มนวลที่เหนือกว่า
- ระบบควบคุมการขับขี่ : Active Yaw Control (AYC) ช่วยเพิ่มเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง
- โหมดการขับขี่ : 7 รูปแบบ (Normal, Wet, Gravel, Tarmac, Mud, EV Priority, Charge)
เปรียบเทียบเจาะลึกออปชัน Mitsubishi XForce 2025 ในแต่ละรุ่นย่อย
ความน่าสนใจของ Mitsubishi XForce 2025 คือการให้ออปชันพื้นฐานมาอย่างครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น และเพิ่มความพรีเมียมเข้ามาในรุ่นท็อป ทำให้ทุกรุ่นมีความคุ้มค่าในแบบของตัวเอง เรามาดูกันว่าแต่ละรุ่นย่อยมีความแตกต่างกันอย่างไร
อุปกรณ์ภายนอก ดีไซน์และความแตกต่างในแต่ละรุ่น
- รุ่น Ignite : ได้ไฟหน้า-ท้าย Full-LED, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว, กระจกมองข้างพับไฟฟ้า, เสาอากาศครีบฉลาม
- รุ่น Ultimate : เพิ่มไฟตัดหมอกหน้า LED, ประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี, เซนเซอร์กะระยะจอดรอบคัน
- รุ่น Ultimate X : เพิ่มชุดแต่งพิเศษรอบคัน, สปอยเลอร์หลัง, และสัญลักษณ์ XFORCE บนฝากระโปรงหน้า
อุปกรณ์ภายในและความสะดวกสบาย
- รุ่น Ignite : ภายในสีดำ, เบาะหนังสังเคราะห์, แอร์อัตโนมัติพร้อมระบบฟอกอากาศ nanoe™ X, กุญแจ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ต
- รุ่น Ultimate : เพิ่มเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, ภายในตกแต่งพิเศษสี Melange-Mocha, ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย
- รุ่น Ultimate X : เพิ่มไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light)
ระบบความบันเทิงและการเชื่อมต่อ
- ทุกรุ่น : ได้หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว, มาตรวัดคนขับ LCD 8 นิ้ว, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, ลำโพง 6 ตำแหน่ง
- รุ่น Ultimate X : อัปเกรดเป็นระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Premium พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง ซึ่งได้รับการยอมรับว่าให้คุณภาพเสียงดีที่สุดในรถราคาระดับนี้
- ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS)
- ทุกรุ่น : Mitsubishi XForce 2025 จัดเต็มแพ็กเกจความปลอดภัย Diamond Sense มาให้ครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ประกอบด้วย
- ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมช่วยชะลอความเร็ว (FCM)
- ระบบเตือนจุดอับสายตา (BSW) และขณะเปลี่ยนเลน (LCA)
- ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยจอด (RCTA)
- ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
- รุ่น Ultimate ขึ้นไป : เพิ่มกล้องมองภาพรอบคัน (MAM) และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวรอบคัน (MOD)
สีตัวถังภายนอกของ Mitsubishi XForce 2025 ในแต่ละรุ่น
อีกหนึ่งความพิเศษของ Mitsubishi XForce 2025 คือการนำเสนอสีสันที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะสีทูโทนหลังคาดำที่ช่วยเสริมให้ตัวรถดูสปอร์ตและพรีเมียมยิ่งขึ้น
สีที่มีให้เลือกในรุ่น Ignite
- สีขาวมุก White Diamond
- สีเงิน Blade Silver
- สีเทา Graphite Grey
สีที่มีให้เลือกในรุ่น Ultimate และ Ultimate X
- รุ่น Ultimate : เพิ่มตัวเลือกสีทูโทน ขาวมุก/หลังคาดำ และสีดำ Jet Black Mica
- รุ่น Ultimate X : มีสีทูโทนให้เลือกมากที่สุดถึง 5 สี รวมถึงสีไฮไลต์อย่าง สีเหลือง Energetic Yellow/หลังคาดำ และ สีแดง Spirit Red/หลังคาดำ
เสริมสมรรถนะและความมั่นใจให้ Mitsubishi XForce 2025 ด้วยยาง PIRELLI
Mitsubishi XForce 2025 ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และยางขนาด 225/50R18 ซึ่งเป็นขนาดยางรถยนต์ขอบ 18 นิ้ว ที่ลงตัวทั้งความสวยงามและการขับขี่ เพื่อดึงศักยภาพของช่วงล่างที่ดีที่สุดในคลาสและระบบ AYC ออกมาได้อย่างเต็มที่ การเลือกยางคุณภาพสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญ Pirelli ขอแนะนำยางในตระกูล SCORPION™ ที่ออกแบบมาเพื่อรถ SUV โดยเฉพาะ ตอบโจทย์คนที่่ไม่รู้ว่าจะเลือกยาง SUV ยี่ห้อไหนดี
- PIRELLI SCORPION™ : ยางที่เน้นสมรรถนะบนถนนเปียก อายุการใช้งานยาวนาน และความนุ่มสบาย เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
- PIRELLI SCORPION™ VERDE : ยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยประหยัดน้ำมัน และลดเสียงรบกวน แต่ยังคงไว้ซึ่งการควบคุมที่แม่นยำ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Mitsubishi XForce 2025
Mitsubishi XForce 2025 มีคู่แข่งเป็นใครบ้างในตลาด
ในตลาด B-SUV ของประเทศไทย Mitsubishi XForce 2025 ต้องลงสนามแข่งขันกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Toyota Yaris Cross, Toyota Corolla Cross, Honda HR-V, และ Nissan Kicks ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป แต่ XForce สามารถสร้างความได้เปรียบด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและช่วงล่างที่เหนือกว่า
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของ XForce 2025 เป็นอย่างไร
Mitsubishi XForce 2025 มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยตาม Eco Sticker อยู่ที่ 24.4 กม./ลิตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจและแข่งขันได้ในกลุ่มรถยนต์ไฮบริด ด้วยการพัฒนาระบบส่งกำลังแบบ 2-Speed Transaxle ที่ช่วยให้การขับขี่ด้วยความเร็วสูงประหยัดขึ้น
Misubishi XForce 2025 เหมาะกับการใช้งานแบบไหน
ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง ช่วงล่างที่นุ่มนวลและยึดเกาะถนนดีเยี่ยม และโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทำให้ Mitsubishi XForce 2025 เป็นรถที่อเนกประสงค์อย่างแท้จริง เหมาะสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ใช้รถทั้งในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว และเดินทางไกลในวันหยุดที่ต้องการความสบายและความมั่นใจ
สรุปสเปค Mitsubishi XForce 2025 กับความน่าใช้งาน
Mitsubishi XForce 2025 ไม่ได้เป็นเพียงรถ B-SUV ที่มีดีไซน์สวยงาม แต่ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี สมรรถนะ และความสะดวกสบายที่เรียกได้ว่า “ดีที่สุดในคลาส” ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งความกว้างขวางของห้องโดยสาร, ระบบเสียง Yamaha Premium, และช่วงล่างที่ได้รับการยอมรับว่าหนึบแน่นมั่นใจ การมาถึงของ Mitsubishi XForce 2025 ครั้งนี้จึงเป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดได้อย่างแน่นอน
และเพื่อให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความมั่นใจสูงสุด อย่าลืมเลือกใช้ยางรถยนต์ Pirelli ที่พร้อมจะดึงสมรรถนะของ Mitsubishi XForce 2025 ของคุณออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมรับการรับประกันยาง บาด บวม แตก เคลมฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กม. (เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น ทุกรุ่น ทุกขนาด และลงทะเบียนภายใน 14 วัน) สนใจสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Shopee และ Lazada
บทความจาก Pirelli

เวลาเลี้ยวรถแล้วมีเสียงยางดังเอี๊ยด เกิดจากอะไร พร้อมวิธีตรวจสอบและแก้ไข
หลายคนคงเคยประสบปัญหาเวลาเลี้ย …