ขับรถลุยน้ำเป็นไรไหม เรื่องสำคัญที่ต้องศึกษา
ช่วงปลายฝนต้นหนาวมีฝนตกเทลงมาอยู่บ่อยครั้ง และเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีฝนถล่มลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ แน่นอนว่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องขับรถฝนตกหนักฝ่าฟันเพื่อกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่การกระทำดังกล่าวอาจไม่เรื่องที่ดันก เพราะเสี่ยงทำให้รถยนต์มีปัญหาจากอาการเครื่องยนต์ดับหรือเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนจากทัศนวิสัยที่ย่ำแย่ ทั้งยังอาจเคราะห์หนักถึงขั้นขับรถตกนํ้าลงคูคลองต่าง ๆ ได้ ดังนั้นมาดูกันว่าการขับรถลุยน้ำควรมีข้อปฏิบัติอย่างไร แล้วน้ำสูงระดับใดที่ไม่ควรขับฝ่าไปเป็นอันขาด
การขับรถลุยน้ำ อาจส่งผลเสียอย่างไรบ้าง
- เสี่ยงยางรั่ว
การขับรถลุยน้ำมีโอกาสที่จะทำให้เกิดเหตุยางรั่วกลางทางได้ เนื่องจากทัศนวิสัยการมองเห็นพื้นถนนแย่ลง หากขับเจอหลุมบ่อ หรือเศษขยะแหลมคมลอยเข้ามากลางทาง อาจสร้างความเสียหายให้กับยางจนยางรั่วเสียหายได้
- รถดับกลางทาง
การขับรถลุยฝ่าน้ำท่วมขังมีโอกาสที่รถจะเกิดอาการดับได้ ถ้าเครื่องยนต์ดับห้ามสตาร์ตรถเด็ดขาด เพราะมีโอกาสที่น้ำจะเข้าเครื่องยนต์ นอกจากนี้ควรเปิดไฟฉุกเฉินและออกจากรถเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อเคลื่อนย้ายรถหนีน้ำได้แล้วให้ถอดขั้วแบตเตอรี่เปิดดูไส้กรองอากาศ หากไส้กรองแห้งมีโอกาสเกิดขึ้นจากระบบไฟฟ้าช็อต ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถเพื่อจัดการแก้ไขต่อไป
- อุบัติเหตุรถชน
การขับฝ่าน้ำท่วมบนเส้นทางถนนใหญ่ มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุรถชนกันได้ ไม่ว่าจะเกิดจากรถยนต์ของผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมได้ตามปกติ หรือแม้แต่รถยนต์ของผู้อื่นที่ขับไม่เกรงใจจนทำให้แรงน้ำกระเพื่อมจนรถลอยไปชนกับรถคันอื่น ๆ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา
ขับรถลุยน้ำยังไง ไม่ให้รถพัง เรื่องสำคัญที่ควรรู้
- ประเมินระดับน้ำ
การประเมินระดับน้ำท่วมขังถือเป็นเรื่องสำคัญในการตัดสินใจขับรถลุยน้ำ เพราะถ้าน้ำไม่สูงจนเกินไปจะสามารถเดินทางต่อไปได้ตามปกติ แต่กรณีน้ำท่วมสูงอาจทำให้รถยนต์ไม่สามารถไปต่อได้และยังส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ด้วย เพื่อการขับขี่ปลอดภัยสามารถวัดได้จากตัวเลขที่กรมขนส่งทางบกแนะนำไว้ได้ดังนี้
- ระดับน้ำ 5-10 ซม.
ขับผ่านได้ทุกคัน แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เพื่อป้องกันการสูญเสียการควบคุม ทั้งงดใช้ความเร็วสูง
- ระดับน้ำ 10-20 ซม.
ยังคงขับผ่านได้ทุกประเภท สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กอาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถ ถือเป็นระดับที่สูงกว่าระดับที่แล้วและต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าเดิม มีโอกาสที่น้ำสามารถเข้าไปในตัวรถได้
- ระดับน้ำ 20-40 ซม.
รถประเภทอีโกคาร์ต้องระวัง โดยส่วนใหญ่แล้วจะถูกออกแบบาให้สูงกว่าระดับพื้น 15-17 ซม. เท่านั้น จึงอาจทำให้เกิดปัญหาท่อไอเสียจม กระนั้นยังสามารถขับผ่านได้ ขณะที่รถกระบะยังคงผ่านไปได้
- ระดับน้ำ 40-60 ซม.
รถยนต์ขนาดเล็กควรเลี่ยง สมควรปิดแอร์ขณะขับขี่เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ดับ นอกจากนี้ต้องขับขี่ช้าลงเพื่อลดโอกาสเกิดคลื่นน้ำซัดเข้าหารถ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องน้ำกระจายเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ด้วย
- ระดับน้ำ 60-80 ซม.
เป็นอันตรายต่อรถทุกคัน ไม่ควรขับลุยต่อ เพราะน้ำสามารถไหลท่วมเครื่องยนต์ได้ เป็นเหตุให้เครื่องยนต์ดับและหยุดชะงัก มีโอกาสที่ระบบภายในจะเกิดความเสียหาย การขับลุยน้ำท่วมระดับนี้ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ
- ระดับน้ำ 80 ซม.ขึ้นไป
เป็นระดับน้ำที่สูงท่วมฝากระโปรงรถ ไม่ควรขับฝ่าและควรเลือกใช้เส้นทางอื่น ๆ
- ใช้กระสอบ กระดาษแข็ง หรือยางปูพื้นกันฝุ่น ผูกไว้ที่กระจังหน้ารถยนต์
การใช้สิ่งของที่ระบุว่าเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าห้องเครื่อง กระเซ็นเข้าจานจ่ายที่อาจเป็นเหตุให้เครื่องยนต์ดับ
- เลี้ยงคลัตช์ไว้
ควรเลี้ยงคลัตช์ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ เพราะการขับรถลุยน้ำอาจทำให้เครื่องยนต์เย็นเกินไป การเหยียบคลัตช์ไว้และเร่งเครื่องมากกว่าปกติเล็กน้อย จะทำให้เครื่องยนต์ไม่ดับ
- ไม่เปิดไฟสูง
แม้ทัศนวิสัยอาจจะไม่ดีนัก แต่ข้อควรปฏิบัติในขณะขับรถลุยน้ำ เปิดไฟสูงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม เพราะอาจแยงตารถคันฝั่งตรงข้ามและเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ซึ่งอาจจะทำให้รถติดยาวเหยียดกว่าปกติได้
- หายางครอบท่อมาใส่ท่อ
ควรหายางครอบท่อมาคลุมท่อไอเสียเอาไว้ โดยปลายท่อต้องชูขึ้นเหนือน้ำเพื่อมีทางระบายอากาศ จะทำให้รถสามารถลุยผ่านน้ำได้
6. เช็กสภาพรถยนต์หลังลุยน้ำ
ข้อควรปฏิบัติหลังขับรถลุยน้ำ ควรตรวจสภาพรถหรือเช็กรถยนต์ด้วยตัวเองในเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบเบรก ลูกปืนล้อ เพลาขับและเฟืองท้าย ระบบเครื่องปรับอากาศ น้ำมันเครื่อง รวมไปถึงสัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ ที่อาจลอยเข้ามาติดภายในรถยนต์
นอกเหนือไปจากวิธีการขับรถยนต์ลุยนํ้าแล้ว การเตรียมการรับมือสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมตามช่วงเวลาต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน อย่างการเปลี่ยนยางรถยนต์ตามฤดูกาลด้วยแบรนด์ชั้นนำอย่าง ยางพิเรลลี่ ที่จะทำให้สามารถขับรถได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยต่อสภาพอากาศต่าง ๆ เป็นต้น
การขับรถลุยน้ำในบางครั้งอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก แต่เกิดจากความจำเป็นของผู้ใช้งานที่ต้องรีบกลับบ้านเพื่อเดินทางไปดูแลคนรักและครอบครัว แต่คุณเองสามารถเลือกสร้างความปลอดภัยที่ดีกว่าเดิมด้วยการเปลี่ยนยาง 4 ล้อ ราคางาม