Pirelli Thailand by ATV เช็คราคายานยนต์ ออนไลน์

นับตั้งแต่มีกระแสรักษ์โลกวงการยานพาหนะต่างเร่งพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของตนให้ตอบโจทย์การใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น เป็นผลให้ท้องตลาดมีรถยนต์ไฟฟ้าหลากรุ่นและหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อมาใช้งาน ซึ่งข้อแตกต่างของรถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์ทั่วไปไม่ได้มีแค่พลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อน แต่ยังรวมถึงเรื่องยางรถด้วย ฉะนั้นเพื่อให้ผู้ที่วางแผนซื้อรถ EV มาใช้งานเห็นถึงความเหมือนและแตกต่างของยางรถไฟฟ้า หรือยางรถ EV กับยางปกติ มาดูคำตอบกัน

 

ทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภท

ก่อนจะเข้าไปถึงรถยนต์ EV หรือ Electric Vehicle เป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาป โดยระบบของรถยนต์ไฟฟ้าจะเก็บพลังงานเอาไว้ที่แบตเตอรี่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถชาร์จได้และแปลงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อนรถ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ รวมถึงไม่มีไอเสียจากการเผาผลาญพลังงานแบบรถยนต์ทั่วไป สำหรับรถ EV สามารถแบ่งประเภทออกได้ ดังนี้

  • รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle : HEV) เป็นรถลูกผสมระหว่างพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน โดยมีแบตเตอรี่เป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้า สามารถใช้ในภายหลังเพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมกับการทำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
  • รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) เป็นรถยนต์ไฮบริดที่เพิ่มฟังก์ชันการชาร์จไฟฟ้าจากภายนอก และสามารถวิ่งได้ไกลกว่ารถไฮบริดธรรมดา
  • รถยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ 100% (Plug-in Electric Vehicles : PEVs) เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% มีแบตเตอรี่สำหรับเก็บประจุไฟฟ้าขนาดใหญ่จากการเสียบปลั๊กชาร์จากภายนอก ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนเครื่องยนต์สันดาป

 

ชาร์จพลังงานไฟฟ้า

 

ยางรถไฟฟ้า vs ยางปกติ เหมือนหรือต่างกันตรงไหน

เนื่องจากรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามีอัตราเร่ง และแรงบิดที่สูงมากกว่ารถสันดาปทั่วไป ทำให้ยางรถไฟฟ้า EV มีความพิเศษกว่ายางรถทั่วไป ด้วยการออกแบบโครงสร้างยางที่แข็งแรง และทดแรงบิดได้มากกว่าปกติ

 

ข้อดีของการใช้ยางรถไฟฟ้าในรถ EV 

อย่างที่รู้กันดีว่ายางรถไฟฟ้า หรือยาง EV ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ จึงมีข้อดีมากการใช้งานยางรถยนต์ปกติทั่วไป ดังนี้ 

 

ยางรถไฟฟ้าลดเสียงรบกวนได้ดีกว่า

ตามที่ทราบกันดีว่ารถ EV ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100% ไม่มีเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนขณะขับขี่ และเพื่อรักษาความเงียบขณะใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าส่งผลให้ผู้ผลิตยางรถไฟฟ้า EV ใช้การออกแบบและเทคโนโลยีพิเศษต่าง ๆ เพื่อพัฒนายางรถ EV จนได้ยางนุ่มเงียบที่รักษาความเงียบขณะขับขี่ได้ดีกว่าเดิม ส่งผลให้ราคายางรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ายางนุ่มเงียบของรถยนต์ทั่วไป

 

ยางรถไฟฟ้ารับน้ำหนักได้มากกว่าปกติ

เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเกือบทุกรุ่นจะมีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักมากกว่ารถทั่วไป ด้วยเหตุนี้ยางรถ EV ที่ถูกผลิตออกมาจึงมีคุณสมบัติความทนทานต่อการรับน้ำหนัก นั่นคือยางรถ EV สามารถรองรับน้ำหนักตัวรถได้ดีกว่ายางรถทั่วไปมากถึง 10-20%

 

ยางรถไฟฟ้ายึดเกาะถนนได้ดี

แม้การยึดเกาะถนนได้ดี ถือเป็นคุณสมบัติหลักที่ยางรถยนต์ทุกประเภทต้องมี เพราะมีผลต่อความปลอดภัยขณะขับขี่และเบรกรถในสถานการณ์ต่าง ๆ แต่สำหรับรถ EV ยางรถยนต์จะมีคุณสมบัติพิเศษในการยึดเกาะถนนที่มากกว่ายางรถทั่วไป เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้ระบบเบรกเฉพาะ คือ Regenerative Braking ที่ทำให้รถชะลอความเร็วลงเมื่อเหยียบเบรก ดังนั้นยางรถ EV จึงถูกออกแบบให้สอดคล้องกับการทำงานของเบรก เพื่อลดการลื่นไถลในการบังคับเลี้ยว

 

ยางรถไฟฟ้ามีความทนทานต่อแรงบิดสูง

รถยนต์ไฟฟ้ามาพร้อมแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่มหาศาล หากฝืนใช้งานยางรถปกติส่งผลให้ยางสึกหรอเร็วกว่าปกติ ดังนั้นการเลือกใช้ยางรถ EV ที่ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานต่อแรงบิดสูงจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้ดีกว่า ทำให้ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ 4 ล้อ ราคารวมหลักหมื่นบ่อยเกินความจำเป็น

 

ยางรถไฟฟ้าประหยัดพลังงาน วิ่งได้ไกลขึ้น

ตามที่ทราบกันดีว่า แรงต้านการหมุนของล้อมีผลต่อการใช้เชื้อเพลิงของรถยนต์ ดังนั้นการเลือกยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติลดแรงต้านการหมุน อย่างยางรถไฟฟ้า EV ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสูญเสียพลังงานไฟฟ้าน้อยลง และเดินทางได้ไกลกว่าเดิม

 

ข้อจำกัดของยางรถไฟฟ้า

แม้ว่ายางรถไฟฟ้า EV จะมีข้อดีสำหรับการใช้งานมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของราคาที่อาจสูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไปประมาณ 2-3 เท่า และอาจมีตัวเลือกไม่มากเท่ากันยางรถยนต์ปกติ เพราะสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันยังไม่มากพอเมื่อเทียบกับจำนวนรถยนต์สันดาป แต่เรื่องอายุการใช้งานของยางรถไฟฟ้าสามารถใช้ได้นานถึง 5 ปี หรือราว ๆ 40,000 – 50,000 กิโลเมตร ถือว่าอยู่ในระยะเวลามาตรฐานไม่แตกต่างจากยางรถทั่วไป

 

วิธีเลือกยาง EV ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

วิธีเลือกยาง EV ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

 

การเลือกยางรถไฟฟ้าที่เหมาะสมนั้นมีปัจจัยสำคัญหลายประการ เพื่อให้ได้ยางรถ EV ที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด

 

ดูค่าดัชนีน้ำหนักบรรทุก (Load Index)

เนื่องจากรถไฟฟ้ามีน้ำหนักมากกว่ารถทั่วไป การเลือกยางรถ EV จึงต้องดูค่า Load Index ให้เหมาะสม โดยควรเลือกยางที่มีค่าสูงกว่าค่ามาตรฐานของรถยนต์ทั่วไปประมาณ 10-15% เพื่อรองรับน้ำหนักแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ได้อย่างปลอดภัย

 

พิจารณาคุณสมบัติการลดเสียงรบกวน

ยางรถไฟฟ้าควรมีเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนพิเศษ เนื่องจากรถ EV ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ทำให้ได้ยินเสียงจากยางชัดเจนขึ้น การเลือกยางรถ EV ที่มีคุณสมบัตินี้จะช่วยรักษาความเงียบสบายในห้องโดยสาร

 

เลือกยางที่ช่วยประหยัดพลังงาน

ยางรถไฟฟ้าที่ดีควรมีแรงต้านการหมุนต่ำ เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และเพิ่มระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จ ควรเลือกยางรถ EV ที่มีการระบุค่าประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่ดี

 

วิธีดูแลยาง EV เพื่อสมรรถนะที่ดีในการใช้งาน

การดูแลยางรถไฟฟ้าอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของยางรถ EV ได้อย่างเต็มที่

 

ตรวจสอบแรงดันลมยางสม่ำเสมอ

ควรตรวจเช็กแรงดันลมยางรถไฟฟ้าทุก 2 สัปดาห์หรือก่อนการเดินทางไกล เพราะแรงดันลมที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ยางรถ EV สึกหรอเร็ว สิ้นเปลืองพลังงาน และอาจเป็นอันตรายต่อการขับขี่

 

หมั่นสลับยางตามกำหนด

ยางรถไฟฟ้าควรได้รับการสลับตำแหน่งทุก 8,000-10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากยางรถ EV มักรับแรงบิดสูงและน้ำหนักมาก การสลับยางจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้

 

ตรวจสอบการสึกหรอของดอกยาง

ควรตรวจสอบความลึกดอกยางรถไฟฟ้าเป็นประจำ โดยเฉพาะในรถ EV ที่มีแรงบิดสูง หากพบว่าดอกยางสึกถึงขีดจำกัด ควรเปลี่ยนยางทันทีเพื่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการขับขี่

 

ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับยาง EV ให้กับผู้ใช้รถ

 

การใช้ยางรถ EV โดยเฉพาะจำเป็นไหม

แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้ยางรถ EV โดยเฉพาะ แต่ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อรถไฟฟ้าโดยตรง ทั้งการรองรับแรงบิดสูง น้ำหนักมาก และการลดเสียงรบกวน ทำให้การใช้ยาง EV สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานรถไฟฟ้าได้ดีกว่ายางทั่วไป

 

ยางรถ EV ต้องเติมลมเท่าไหร่ ต่างจากยางทั่วไปไหม

แรงดันลมยางสำหรับรถ EV มักจะสูงกว่ารถทั่วไปประมาณ 10-15% เนื่องจากต้องรองรับน้ำหนักที่มากกว่า โดยทั่วไปควรเติมที่ 35-38 PSI สำหรับล้อหน้า และ 33-36 PSI สำหรับล้อหลัง อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบค่าแนะนำจากคู่มือรถเสมอ เพราะแต่ละรุ่นอาจมีค่าที่แตกต่างกัน

 

ยางรถ EV ราคาต่างจากยางรถยนต์ทั่วไปเท่าไหร่

ยางรถ EV มักมีราคาสูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไปประมาณ 2-3 เท่า เนื่องจากใช้เทคโนโลยีการผลิตพิเศษและวัสดุคุณภาพสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุการใช้งานที่ยาวนานและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ทำให้คุ้มค่าในระยะยาวสำหรับผู้ใช้รถ EV

 

รถยนต์ไฟฟ้าใช้ยางปกติได้ไหม

คำตอบคือ ได้ แต่ผู้ใช้รถควรดูที่ค่า Load Index หรือดัชนีการรับน้ำหนักเป็นหลัก เพราะยางรถยนต์หลายรุ่นก็มีคุณสมบัติที่เพียงพอต่อการใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้า หรืออาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่าด้วย แต่ถ้าผู้ใช้รถอยากใช้ยางรถไฟฟ้าจริง ๆ  แต่ไม่รู้ควรเลือกยางรถไฟฟ้า EVยี่ห้อไหนดี ? ขอแนะนำยาง Pirelli EV แบรนด์ผู้ผลิตที่อยู่ในวงการยางยนต์มามากกว่า 151 ปี มีส่วนร่วมทำยาง OEM ร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกมาแล้วทั้ง Bentley, BMW, Aston Martin, Ferrari, Porsche หรือ Pagani อีกทั้งแบรนด์ Pirelli ยังมีเทคโนโลยีแห่งความล้ำยุคสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ อย่าง ELECT™ ที่ทำให้รถ EV ของคุณสามารถเดินทางได้ไกลกว่าเดิม ลดการสูญเสียพลังงาน ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น ขณะที่โครงสร้างของยางช่วยกระจายแรงกดได้ดียิ่งขึ้น ให้เสียงรบกวนต่ำ

 

ยางรถ EV ยี่ห้อไหนดี 

ถ้าผู้ใช้รถอยากใช้ยางรถไฟฟ้าจริง ๆ  แต่ไม่รู้ควรเลือกยางรถไฟฟ้า EVยี่ห้อไหนดี ? ขอแนะนำยาง Pirelli EV แบรนด์ผู้ผลิตที่อยู่ในวงการยางยนต์มามากกว่า 151 ปี มีส่วนร่วมทำยาง OEM ร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกมาแล้วทั้ง Bentley, BMW, Aston Martin, Ferrari, Porsche หรือ Pagani อีกทั้งแบรนด์ Pirelli ยังมีเทคโนโลยีแห่งความล้ำยุคสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ อย่าง ELECT™ ที่ทำให้รถ EV ของคุณสามารถเดินทางได้ไกลกว่าเดิม ลดการสูญเสียพลังงาน ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น ขณะที่โครงสร้างของยางช่วยกระจายแรงกดได้ดียิ่งขึ้น ให้เสียงรบกวนต่ำ

 

แนะนำ 2 ซีรีส์ยางรถไฟฟ้าจาก Pirelli สำหรับรถยนต์ EV

 

เทคโนโลยียาง

 

Pirelli ผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์ระดับโลก ได้พัฒนายางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ นำเสนอ 2 ซีรีส์ยาง EV ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี ELECT™ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และความปลอดภัยสำหรับรถไฟฟ้าทุกประเภท

 

PIRELLI P ZERO™ PZ4 ELECT™

ยาง Ultra High Performance ที่พัฒนาจากประสบการณ์การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ด้วยการออกแบบดอกยางที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งด้านในและด้านนอก ให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะที่เหนือกว่าในทุกสภาพถนน โดยเฉพาะในสภาพเปียกชื้นด้วยปริมาณซิลิกาสูง พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยลดเสียงรบกวนและแรงต้านการหมุน คอมพาวด์พิเศษที่ช่วยเพิ่มระยะทางการใช้งาน ตอบโจทย์รถยนต์สมรรถนะสูงได้อย่างลงตัว

 

ยางรถไฟฟ้า PIRELLI P ZERO™  PZ4 ELECT™ เหมาะกับรถรุ่นไหนบ้าง

  • Tesla Model 3 : ยาง P ZERO™ PZ4 ELECT™ ถูกออกแบบมาให้รองรับแรงบิดสูงและน้ำหนักแบตเตอรี่ของ Tesla Model 3 ได้อย่างลงตัว มีขนาดยางที่เหมาะสมคือ 235/35 R20, 235/40 R19 และ 235/45 R18 ช่วยเพิ่มระยะทางการวิ่งและความเงียบในห้องโดยสาร
  • BMW i4 : ด้วยสมรรถนะการยึดเกาะถนนที่เหนือชั้นและการควบคุมที่แม่นยำ พร้อมขนาดยางตั้งแต่ 225/45 R19, 245/40 R19 ถึง 255/35 R20 ทำให้ตอบสนองได้ดีกับพละกำลังของ BMW i4 ช่วยเสริมความสปอร์ตให้การขับขี่
  • Mercedes-Benz EQE : เทคโนโลยีลดเสียงรบกวนและแรงต้านการหมุนต่ำ รองรับขนาดยางตั้งแต่ 255/45 R19, 255/40 R20 ถึง 275/35 R21 ช่วยเสริมความหรูหราเงียบสงบให้กับ EQE พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
  • Audi e-tron GT : การออกแบบดอกยางพิเศษที่ให้การยึดเกาะเหนือระดับ มาพร้อมขนาดยาง 245/45 R20, 265/35 ZR21 และ 285/30 ZR22 เข้ากันได้ดีกับสมรรถนะสูงของ e-tron GT ทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ
  • Porsche Taycan : คอมพาวด์พิเศษที่พัฒนาร่วมกับ Porsche ให้เลือกตั้งแต่ขนาด 245/40 ZR20, 265/35 ZR21 ไปจนถึง 305/30 ZR21 ช่วยเสริมสมรรถนะสูงสุดของ Taycan ทั้งการเร่ง การเข้าโค้ง และการเบรก
  • BYD Seal : โครงสร้างยางที่แข็งแรงรองรับน้ำหนักได้ดีเยี่ยม มีขนาดยางให้เลือกตั้งแต่ 235/45 R19, 245/40 R19 ถึง 255/35 R20 พร้อมการยึดเกาะถนนที่มั่นคง ช่วยให้ BYD Seal ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและปลอดภัย

 

PIRELLI SCORPION™ ELECT™

ยาง EV สำหรับรถ SUV ไฟฟ้าโดยเฉพาะ มีโครงสร้างแข็งแรงรองรับน้ำหนักมาก เหมาะกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ทั้งในเมืองและนอกเมือง ช่วยลดเสียงรบกวนได้ถึง 20% มีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนดีเยี่ยม ทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพถนน ตอบโจทย์การใช้งานของรถ SUV ไฟฟ้าอย่างลงตัว

 

ยางรถไฟฟ้า PIRELLI SCORPION™ ELECT™ เหมาะกับรถรุ่นไหนบ้าง

  • MG ZS EV : ยาง SCORPION™ ELECT™ ถูกออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักแบตเตอรี่ของ MG ZS EV ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมเสริมความนุ่มนวล และเงียบสงบในการขับขี่ มีขนาดยางที่เหมาะสมคือ 215/55 R17 และ 235/50 R18
  • BYD Atto 3 : ดอกยางที่ออกแบบพิเศษช่วยลดแรงต้านการหมุน และเพิ่มระยะทางการวิ่ง มาพร้อมขนาดยาง 235/50 R18 และ 235/45 R19 เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง
  • Tesla Model Y : เทคโนโลยีเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้าที่รองรับแรงบิดสูง มีขนาดยางให้เลือกตั้งแต่ 235/55 R19, 255/45 R19 ถึง 275/35 R21 ช่วยเสริมสมรรถนะ และประหยัดพลังงาน
  • Hyundai Ioniq 5 : การออกแบบดอกยางที่ช่วยลดเสียงรบกวน และเพิ่มการยึดเกาะ รองรับขนาดยาง 235/55 R19 และ 255/45 R20 ให้ความมั่นใจในทุกสภาพถนน
  • Audi Q4 e-tron : สมรรถนะระดับพรีเมียมด้วยขนาดยาง 235/55 R19, 255/45 R20 และ 255/40 R21 พร้อมเทคโนโลยีลดแรงต้านและเสียงรบกวน เสริมความหรูหราในการขับขี่
  • Peugeot e-2008 : ยางที่พัฒนามาเพื่อ SUV ไฟฟ้าโดยเฉพาะ มีขนาด 215/60 R17 และ 235/50 R18 ช่วยเพิ่มระยะทางการวิ่งและความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า