ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกำลังคึกคักเป็นอย่างมากในช่วงนี้ ด้วยกระแสการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้รถในประเทศ จึงทำให้แบรนด์จีน และยุโรปต่างตบเท้านำรถไฟฟ้าน่าใช้งานมาเปิดตัวกันมากมาย แต่รถไฟฟ้า 2024 ที่น่าใช้จะมีรุ่นไหนบ้าง วันนี้ พิเรลลี่ จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 15 รุ่นรถ EV ในไทยที่ห้ามพลาดในปีนี้กัน
15 รถยนต์ไฟฟ้าในไทย 2024 ที่ห้ามพลาด
ปี 2024 นี้ มีรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นเข้ามาทำตลาดในไทย ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นที่ได้รับการอัปเกรด โดยแต่ละคันมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สมรรถนะ หรือฟังก์ชันการใช้งาน มาดูกันว่ามีรถ EV ในไทยรุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจ
1. BYD Dolphin
BYD Dolphin เป็นรถไฟฟ้า 2024 ขนาดกะทัดรัดที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดรถ EV ไทย ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะที่ดี และราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใช้รถ EV โดยเฉพาะคนเมืองที่ต้องการรถขนาดกะทัดรัดแต่มีประสิทธิภาพสูง BYD Dolphin มาพร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 490 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- ราคาเริ่มต้น : 569,900 บาท (รุ่น Standard Range) / 709,900 บาท (รุ่น Extended Range)
- แบตเตอรี่ : ความจุ 50.25 kWh (รุ่น Standard Range) / 60.48 kWh (รุ่น Extended Range)
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 435 กม. (NEDC) (รุ่น Standard Range) / สูงสุด 490 กม. (NEDC) (รุ่น Extended Range)
- กำลังมอเตอร์ : 94 แรงม้า (รุ่น Standard Range) / 150 แรงม้า (รุ่น Extended Range)
- แรงบิด : 180 นิวตันเมตร (รุ่น Standard Range) / 310 นิวตันเมตร (รุ่น Extended Range)
- เวลาชาร์จ : 0 – 80% ใน 30 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 170 กม./ชม.
2. BYD ATTO3
BYD ATTO3 เป็น SUV ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมสูงในไทย ด้วยพื้นที่ภายในกว้างขวาง ระยะทางวิ่งที่ไกล และฟีเจอร์ที่ครบครัน ทำให้เหมาะสำหรับครอบครัว และการเดินทางระยะไกล ATTO3 โดดเด่นด้วยการออกแบบภายในที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น คอนโซลกลางที่ดูเหมือนกีตาร์ และหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่สามารถหมุนได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัย ADAS ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ทำให้ ATTO3 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ SUV ไฟฟ้าที่ครบเครื่องในราคาที่เข้าถึงได้
- ราคาเริ่มต้น : 899,900 บาท (รุ่น 410 Dynamic) / 949,900 บาท (รุ่น 410 Premium) / 1,049,900 บาท (รุ่น 480 Premium)
- แบตเตอรี่ : ความจุ 50.25 kWh
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 410 กม. (NEDC)
- กำลังมอเตอร์ : 204 แรงม้า
- แรงบิด : 310 นิวตันเมตร
- เวลาชาร์จ : 0 – 80% ใน 30 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 170 กม./ชม.
3. NETA V II
NETA V II เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในไทยราคาประหยัดที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถ EV ในไทยที่ราคาเข้าถึงได้ แม้จะมีราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด แต่ NETA V II ก็ไม่ได้ลดทอนคุณภาพ และฟีเจอร์ลงแต่อย่างใด ตัวรถมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 14.6 นิ้วที่ควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในรถ รวมถึงระบบสั่งการด้วยเสียงที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ทำให้ NETA V II เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใช้รถ EV ในไทยโดยไม่ต้องใช้งบประมาณสูงมาก
- ราคาเริ่มต้น : 429,000 บาท (รุ่น Lite) / 459,000 บาท (รุ่น Smart)
- แบตเตอรี่ : ความจุ 36.1 kWh
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 382 กม. (NEDC)
- กำลังมอเตอร์ : 95 แรงม้า
- แรงบิด : 150 นิวตันเมตร
- เวลาชาร์จ : 0 – 80% ใน 30 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 121 กม./ชม.
4. NETA X
NETA X เป็น SUV ไฟฟ้าขนาดกลางที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัย และฟีเจอร์ที่ครบครัน เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการรถ EV ที่กว้างขวางและประหยัด NETA X โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว ที่ควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในรถได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS ระดับ 2 ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยระยะทางวิ่งที่ยาวถึง 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ทำให้ NETA X เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวที่ต้องการรถ EV ในไทยที่ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางระยะไกล
- ราคาเริ่มต้น : 739,000 บาท
- แบตเตอรี่ : ความจุ 62 kWh
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 480 กม. (NEDC)
- กำลังมอเตอร์ : 163 แรงม้า
- แรงบิด : 210 นิวตันเมตร
- เวลาชาร์จ : 0 – 80% ใน 30 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 150 กม./ชม.
5. Deepal S07
Deepal S07 เป็นรถไฟฟ้า 2024 จากแบรนด์ใหม่ที่น่าจับตามอง มาพร้อมกับดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตัวรถมีขนาดใหญ่กว่า BYD ATTO 3 เล็กน้อย ทำให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวางและสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสาร Deepal S07 โดดเด่นด้วยระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS ระดับ 2 ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน้าจอ LED ขนาดใหญ่ที่ควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในรถได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยระยะทางวิ่งที่ยาวนานถึง 485 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ทำให้ Deepal S07 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ SUV ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและเทคโนโลยีล้ำสมัย
- ราคาเริ่มต้น : 1,399,000 บาท
- แบตเตอรี่ : ความจุ 66.8 kWh
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 485 กม. (CLTC)
- กำลังมอเตอร์ : 258 แรงม้า
- แรงบิด : 320 นิวตันเมตร
- เวลาชาร์จ : 0 – 80% ใน 35 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 180 กม./ชม.
6. Volvo EX30
Volvo EX30 เป็น SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กที่มาพร้อมกับความหรูหรา และความปลอดภัยระดับพรีเมียม ตามแบบฉบับของ Volvo EX30 โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและกะทัดรัด เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง แต่ยังคงความเป็นรถสมรรถนะสูงด้วยกำลังมอเตอร์ถึง 272 แรงม้าในรุ่น Twin Motor ระบบความปลอดภัย Volvo Safety Package ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ในขณะที่การตกแต่งภายในด้วยวัสดุรีไซเคิลแสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ EX30 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีคุณภาพสูง
- ราคาเริ่มต้น : 1,590,000 บาท (รุ่น Core) / 1,790,000 บาท (รุ่น Ultra Single Motor) / 1,890,000 บาท (รุ่น Ultra Twin Motor)
- แบตเตอรี่ : ความจุ 69 kWh
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 480 กม. (NEDC)
- กำลังมอเตอร์ : 272 แรงม้า (Single Motor) / 428 แรงม้า (Twin Motor)
- แรงบิด : 343 นิวตันเมตร (Single Motor) / 543 นิวตันเมตร (Twin Motor)
- เวลาชาร์จ : 10% – 80% ใน 28 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 180 กม./ชม.
7. Hyundai IONIQ 5
Hyundai IONIQ 5 โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบนวัตกรรม และการออกแบบที่แปลกใหม่ ตัวรถใช้แพลตฟอร์ม E-GMP ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง และสามารถปรับแต่งได้หลากหลาย ระบบชาร์จแบตเตอรี่ 800V ช่วยให้ชาร์จได้รวดเร็วมาก สามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 18 นาที IONIQ 5 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย เช่น ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ และระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ทันสมัย ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซน์โดดเด่น
- ราคาเริ่มต้น : 1,699,000 บาท (รุ่น Premium) / 1,899,000 บาท (รุ่น Exclusive) / 2,399,000 บาท (รุ่น First Edition)
- แบตเตอรี่ : ความจุ 72.6 kWh
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 384 กม. (WLTP) (รุ่น Premium) / สูงสุด 481 กม. (WLTP) (รุ่น Exclusive) / สูงสุด 451 กม. (WLTP) (รุ่น First Edition)
- กำลังมอเตอร์ : 170 แรงม้า (รุ่น Premium) / 217 แรงม้า (รุ่น Exclusive)
- แรงบิด : 350 นิวตันเมตร
- เวลาชาร์จ : 10% – 80% ใน 18 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 185 กม./ชม.
8. Tesla Model 3
Tesla Model 3 เป็นรถไฟฟ้า 2024 ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่น และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Model 3 มาพร้อมกับระบบ Autopilot ที่ช่วยในการขับขี่อัตโนมัติ และสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่าน OTA ได้ ทำให้รถมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ภายในห้องโดยสารเรียบง่ายแต่ทันสมัย ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ที่ควบคุมทุกฟังก์ชันของรถ Model 3 ยังมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีเยี่ยม ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 491 กิโลเมตรต่อการชาร์จ นอกจากนี้ยังมีเครือข่าย Supercharger ที่ช่วยให้การชาร์จไฟทำได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
- ราคาเริ่มต้น : 1,599,000 บาท (รุ่น Standard Range) / 1,899,000 บาท (รุ่น Long Range) / 2,199,000 บาท (รุ่น Performance)
- แบตเตอรี่: ความจุ 57.5 kWh (รุ่น Standard Range) / ความจุ 75 kWh (รุ่น Long Range และ Performance)
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 513 กม. (WLTP) (รุ่น Standard Range) / สูงสุด 629 กม. (WLTP) (รุ่น Long Range) / สูงสุด 528 กม. (WLTP) (รุ่น Performance)
- กำลังมอเตอร์ : 347 แรงม้า (รุ่น Standard Range) / 441 แรงม้า (รุ่น Long Range) / 460 แรงม้า (รุ่น Performance)
- แรงบิด : 420 นิวตันเมตร (รุ่น Standard Range) / 493 นิวตันเมตร (รุ่น Long Range) / 510 นิวตันเมตร (รุ่น Performance)
- เวลาชาร์จ : 0 – 80% ใน 30 นาที (Supercharger)
- ความเร็วสูงสุด : 201 กม./ชม. (รุ่น Standard Range และ Long Range) / 262 กม./ชม.
9. Tesla Model Y
Tesla Model Y เป็น SUV ไฟฟ้าที่ผสมผสานความสปอร์ต และความอเนกประสงค์ได้อย่างลงตัว Model Y ใช้พื้นฐานเดียวกับ Model 3 แต่มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่เก็บของมากขึ้น ด้วยระยะทางวิ่งที่ไกลถึง 533 กิโลเมตร ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสบายใจแม้ในการเดินทางไกล Model Y ยังมาพร้อมกับระบบ Autopilot และความสามารถในการอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่าน OTA เช่นเดียวกับ Model 3
- ราคาเริ่มต้น: 1,749,000 บาท (รุ่น Standard Range) / 2,049,000 บาท (รุ่น Long Range) / 2,329,000 บาท (รุ่น Performance)
- แบตเตอรี่: ความจุ 57.5 kWh (รุ่น Standard Range) / ความจุ 75 kWh (รุ่น Long Range และ Performance)
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 455 กม. (WLTP) (รุ่น Standard Range) / สูงสุด 533 กม. (WLTP) (รุ่น Long Range) / สูงสุด 514 กม. (WLTP) (รุ่น Performance)
- กำลังมอเตอร์ : 283 แรงม้า (รุ่น Standard Range) / 507 แรงม้า (รุ่น Long Range) / 527 แรงม้า (รุ่น Performance)
- แรงบิด : 420 นิวตันเมตร (รุ่น Standard Range) / 493 นิวตันเมตร (รุ่น Long Range) / 660 นิวตันเมตร (รุ่น Performance)
- เวลาชาร์จ: 0 – 80% ใน 30 นาที (Supercharger)
- ความเร็วสูงสุด : 217 กม./ชม. (รุ่น Standard Range และ Long Range) / 250 กม./ชม. (รุ่น Performance)
10. ZEEKR 009
ZEEKR 009 เป็นรถ MPV ไฟฟ้าหรูหราที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและหรูหรา ZEEKR 009 สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ภายในกว้างขวางและตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เน้นความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับสูงช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทาง นอกจากนี้ ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 116 kWh ทำให้ ZEEKR 009 สามารถวิ่งได้ไกลถึง 686 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ซึ่งถือว่าเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายในไทย ณ ปัจจุบัน
- ราคาเริ่มต้น : 3,099,000 บาท
- แบตเตอรี่: ความจุ 116 kWh
- ระยะทางวิ่ง: สูงสุด 686 กม. (NEDC)
- กำลังมอเตอร์: 612 แรงม้า
- แรงบิด : 693 นิวตันเมตร
- เวลาชาร์จ : 10 – 80% ใน 11.5 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 190 กม./ชม.
11. MG 4 Electric
MG 4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผสมผสานความสปอร์ต และความคุ้มค่าได้อย่างลงตัว ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและทันสมัย MG 4 ดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี ตัวรถใช้แพลตฟอร์ม MSP (Modular Scalable Platform) ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้มีการกระจายน้ำหนักที่ดี และมีพื้นที่ภายในกว้างขวาง ระบบ MG Pilot ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่หลากหลาย นอกจากนี้ MG 4 ยังมาพร้อมกับระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ทันสมัยและใช้งานง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่มีสมรรถนะดีและคุ้มค่า
- ราคาเริ่มต้น: 709,900 บาท (รุ่น Standard Range) / 889,900 บาท (รุ่น Long Range) / 1,119,900 บาท (รุ่น XPOWER)
- แบตเตอรี่: ความจุ 49 kWh (รุ่น Standard Range) / ความจุ 64 kWh (รุ่น Long Range และ XPOWER)
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 423 กม. (NEDC) (รุ่น Standard Range) / สูงสุด 540 กม. (NEDC) (รุ่น Long Range) / สูงสุด 480 กม. (NEDC) (รุ่น XPOWER)
- กำลังมอเตอร์ : 170 แรงม้า (รุ่น Standard Range และ Long Range) / 435 แรงม้า (รุ่น XPOWER)
- เวลาชาร์จ: 0 – 80% ใน 40 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 161 กม./ชม. (รุ่น Standard Range และ Long Range) / 200 กม./ชม. (รุ่น XPOWER)
12. MG MAXUS 9
MG MAXUS 9 เป็นรถตู้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ ด้วยขนาดที่กว้างขวาง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 9 คน ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจรับส่งผู้โดยสารหรือการท่องเที่ยว MAXUS 9 มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกโซน และระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง แม้จะเป็นรถขนาดใหญ่ แต่ MAXUS 9 ก็ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดี ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดสูง ทำให้การเร่งและการขับขี่ทำได้อย่างนุ่มนวล
- ราคาเริ่มต้น : 2,499,000 บาท (รุ่น X) / 2,699,000 บาท (รุ่น V)
- แบตเตอรี่ : ความจุ 90 kWh
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 540 กม. (NEDC)
- กำลังมอเตอร์ : 245 แรงม้า
- แรงบิด : 350 นิวตันเมตร
- เวลาชาร์จ : 30% – 80% ใน 30 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 180 กม./ชม.
13. ORA Good Cat
ORA Good Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่โดดเด่นด้วยดีไซน์น่ารักสไตล์รถยุโรปย้อนยุค แต่แฝงไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายในตกแต่งอย่างประณีตด้วยวัสดุคุณภาพดี มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ และระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ใช้งานง่าย Good Cat มีระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ L2+ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์พิเศษอย่างระบบจอดรถอัตโนมัติที่สามารถควบคุมผ่านสมาร์ตโฟนได้ ด้วยราคาที่ไม่สูงมากนัก ทำให้ Good Cat เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเอกลักษณ์และคุ้มค่า
- ราคาเริ่มต้น : 799,000 บาท (รุ่น PRO) / 899,000 บาท (รุ่น ULTRA) / 1,099,000 บาท (รุ่น GT)
- แบตเตอรี่ : ความจุ 57.7 kWh
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 480 กม. (NEDC) (รุ่น PRO และ ULTRA) / สูงสุด 460 กม. (NEDC) (รุ่น GT)
- กำลังมอเตอร์ : 143 แรงม้า (รุ่น PRO และ ULTRA) / 171 แรงม้า (รุ่น GT)
- แรงบิด : 210 นิวตันเมตร (รุ่น PRO และ ULTRA) / 250 นิวตันเมตร (รุ่น GT)
- เวลาชาร์จ : 30% – 80% ใน 38 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 160 กม./ชม.
14. BMW iX
BMW iX เป็น SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าของ BMW ด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยและโดดเด่น iX สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง และเน้นความยั่งยืน เช่น การใช้วัสดุรีไซเคิลในหลายส่วน ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ทั้งในด้านกำลังและระยะทางวิ่ง iX ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติระดับสูง และระบบอินโฟเทนเมนต์ BMW iDrive รุ่นล่าสุด ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่มีทั้งสมรรถนะ และความหรูหรา
- ราคาเริ่มต้น : 5,299,000 บาท (รุ่น xDrive40 Sport) / 6,299,000 บาท (รุ่น xDrive50 Sport)
- แบตเตอรี่ : ความจุ 76.6 kWh (รุ่น xDrive40 Sport) / 111.5 kWh (รุ่น xDrive50 Sport)
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 420 กม. (NEDC) (รุ่น xDrive40 Sport) / สูงสุด 570 กม. (NEDC) (รุ่น xDrive50 Sport)
- กำลังมอเตอร์ : 326 แรงม้า (รุ่น xDrive40 Sport) / 523 แรงม้า (รุ่น xDrive50 Sport)
- แรงบิด : 630 นิวตันเมตร (รุ่น xDrive40 Sport) / 765 นิวตันเมตร (xDrive50 Sport)
- เวลาชาร์จ: 0 – 80% ใน 40 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 200 กม./ชม.
15. Audi Q8 e-tron
Audi Q8 e-tron เป็น SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะสูง และเทคโนโลยีล้ำสมัยได้อย่างลงตัว ด้วยดีไซน์ที่สง่างามและภายในที่กว้างขวาง Q8 e-tron ให้ความรู้สึกหรูหรา และสะดวกสบาย ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ทั้งในด้านความเร็วและระยะทางวิ่ง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ และระบบอินโฟเทนเมนต์ MMI ที่ใช้งานง่าย Q8 e-tron เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่มีทั้งความหรูหรา สมรรถนะสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ราคาเริ่มต้น: 3,999,000 บาท (รุ่น Q8 50 e-tron quattro) / 4,850,000 บาท (รุ่น Q8 55 e-tron quattro S Line)
- แบตเตอรี่ : ความจุ 95 kWh (รุ่น Q8 50 e-tron quattro) / 114 kWh (รุ่น Q8 55 e-tron quattro S Line)
- ระยะทางวิ่ง : สูงสุด 530 กม. (NEDC) (รุ่น Q8 50 e-tron quattro) / สูงสุด 621 กม. (NEDC) (รุ่น Q8 55 e-tron quattro S Line)
- กำลังมอเตอร์ : 340 แรงม้า (รุ่น Q8 50 e-tron quattro) / 408 แรงม้า (รุ่น Q8 55 e-tron quattro S Line)
- แรงบิด : 664 นิวตันเมตร
- เวลาชาร์จ: 10% – 80% ใน 31 นาที (DC Fast Charge)
- ความเร็วสูงสุด : 200 กม./ชม.
รถ EV ในไทยเหมาะกับใคร
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะมีหลากหลายรูปแบบและราคา โดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ ที่เปิดตัวกันอย่างถี่ยิบ แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาให้ดี ดังนี้
ผู้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
รถ EV ไม่ปล่อยมลพิษโดยตรงจากท่อไอเสีย ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศในเมือง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้รถยนต์
ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
แม้ราคาเริ่มต้นของรถ EV อาจสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่ค่าบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ต่ำกว่า จะทำให้คุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่ขับรถเป็นระยะทางที่มากในแต่ละปี
ผู้ที่ขับรถในเมืองเป็นหลัก
รถ EV เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในเมือง ที่มีระยะทางขับไม่ไกลมากและมีสถานีชาร์จไฟให้บริการอย่างทั่วถึง อีกทั้งการจราจรที่ติดขัดในเมืองยังช่วยให้รถ EV ประหยัดพลังงานได้มากกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป
ผู้ที่ชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ
รถ EV มักมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ ระบบความบันเทิง และการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบนวัตกรรม และต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบใหม่
ผู้ที่มีที่จอดรถส่วนตัวพร้อมติดตั้งเครื่องชาร์จ
การมีที่ชาร์จไฟส่วนตัวช่วยให้การใช้งานรถ EV สะดวกและคุ้มค่ามากขึ้น เพราะสามารถชาร์จไฟได้ในเวลากลางคืน หรือช่วงที่ไม่ได้ใช้งานรถ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จสาธารณะ
สรุปบทความ
และทั้งหมดนี้ ก็เป็น 15 รุ่นรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ที่กำลังเป็นที่จับตามอง และได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถมากมาย ส่วนใครที่กำลังสนใจซื้อรถไฟฟ้า 2024 นี้ และกำลังมองหายาง EV ไว้เป็นทางเลือก แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อแบรนด์ไหนดี ยางรถยนต์ PIRELLI คืออีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ใช้รถ ด้วยเทคโนโลยี ELECT™ ที่ออกแบบมารองรับแรงบิดที่สูงจากรถ EV ในไทย อีกทั้งยังมีความต้านทานการหมุนต่ำ จึงลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้ถึง 10% และยังมีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้งาน ทั้งยางรถยนต์ขอบ 16 หรือยางรถยนต์ 18 รวมถึงขนาดอื่น ๆ ตามการใช้งาน จึงตอบโจทย์คนที่วางแผนซื้อรถไฟฟ้าในปี 2024 เป็นที่สุด
PIRELLI ยางรถยนต์คุณภาพมาตรฐานระดับโลกที่อยู่คู่ท้องถนนมานานกว่า 152 ปี มาพร้อมกับการรับประกัน บาด บวม แตก เคลมฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กม. (เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น ทุกรุ่น ทุกขนาด และลงทะเบียนภายใน 14 วัน)
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/pirellibyatv/