เลขคัสซี แต่ละหลักมีความหมายอย่างไร
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า เลขตัวถังรถหรือหมายเลขคัสซี มาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งคำนี้อาจดูห่างไกลจากคนทั่วไปพอสมควร เพราะหมายเลขตัวถังมักถูกใช้เวลาต่อภาษีรถยนต์ประจำปี เวลาซื้อขายรถยนต์ หรือเวลาเกิดอุบัติเหตุ ทางบริษัทประกันภัยจะเช็กหมายเลขตัวถังรถยนต์ว่าตรงกับข้อมูลของทางบริษัทไหม ก่อนอนุมัติการเคลมประกัน แต่ถึงอย่างมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจความหมายของตัวเลข บทความนี้ขอพาทุกคนไปไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเลขตัวถังรถว่าคืออะไร และอยู่จุดไหนของรถยนต์กัน
เลขคัสซี คืออะไร มีความสำคัญกับรถยังไง
เลขตัวถังหรือ VIN (Vehicle Identification Number) คือเลขประจำตัวของรถคล้ายกับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน โดยรถแต่ละคันจะมีรหัสเป็นแถบภาษาอังกฤษและชุดตัวเลขทั้งหมด 17 หลักที่แตกต่างกันออกไป เพื่อบอกบอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว เช่น พื้นที่การผลิต บริษัทผู้ผลิต รูปแบบตัวถัง โรงงานที่ประกอบ หรือปีที่ผลิตรถ เป็นต้น ถ้าเลขตัวถังรถไม่ตรงกับเล่มทะเบียนแสดงว่ารถคันนั้นมีการประกอบ ดัดแปลง หรือโดนสวมทะเบียน กรณีนี้ให้เคลียร์กับคนขายหรือเต็นท์รถที่ซื้อมาโดยตรง หากเคลียร์กันไม่ได้แนะนำให้ยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกดำเนินคดีในภายหลัง
เลขตัวถังรถแต่ละหลัก มีความหมายอย่างไร
หลักที่ 1 บอกถึงภูมิภาคที่ผลิตรถคันนั้นขึ้น แบ่งเป็น
- ตัวอักษร A-H คือ รถที่ผลิตในทวีปแอฟริกา
- ตัวอักษร J-R คือ รถที่ผลิตในทวีปเอเชีย (ยกเว้นอักษรตัว O และ Q)
- ตัวอักษร S-Z คือ รถที่ผลิตในทวีปยุโรป
- หมายเลข 1-5 คือ รถที่ผลิตในทวีปอเมริกาเหนือ
- หมายเลข 6-7 คือ รถที่ผลิตในประเทศนิวซีแลนด์หรือออสเตรเลีย
- หมายเลข 8-9 คือ รถที่ผลิตในทวีปอเมริกาใต้
หลักที่ 2 และ 3 บอกถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ เช่น M8 คือบริษัทมาสด้าประเทศไทย RH คือบริษัทฮอนด้าประเทศไทย หรือ NT คือบริษัทนิสสันประเทศไทย เป็นต้น
หลักที่ 4 ถึง 8 บอกถึงรายละเอียดของตัวรถ เช่น รูปแบบตัวถัง ระบบเกียร์ รูปแบบรถยนต์ หรือรุ่นย่อยรถยนต์ และอื่น ๆ โดยตัวเลขในส่วนนี้มีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ผลิต
หลักที่ 9 เป็นตัวเลขสำหรับยืนยันว่าไม่ใช่ VIN ปลอม จึงมีรูปแบบการคำนวณที่ซับซ้อน เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเลขประจำตัวรถ
หลักที่ 10 บอกปีที่รถยนต์ถูกผลิตขึ้นมา โดยเริ่มนับจากปี 1980 ที่มีการใช้เลข VIN 17 ครั้งแรก
- ปี 1980 ใช้ตัวอักษร A และไล่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงตัวอักษร Y แทนปี 2000
- ปี 2001 ได้มีการเปลี่ยนไปใช้ตัวเลขแทน โดยไล่ตั้งแต่เลข 1 แทนปี 2001 ไปจนถึงเลข 9 แทนปี 2009
- ปี 2010 เปลี่ยนมาใช้ตัวอักษรเหมือนเดิม โดยอักษร A แทนปี 2010 และไล่ลงไปเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน
หลักที่ 11 บอกถึงโรงงานที่ประกอบรถคันนั้น ๆ โดยแต่ละผู้ผลิตจะใช้ตัวเลขหรือตัวอักษรที่แตกต่างกัน
หลักที่ 12 ถึง 17 เป็นเลข 6 หลักสุดท้าย คือเลขคัสซี (Chassis Number) เป็นตัวเลขเฉพาะที่จะถูกรันไปตามที่ผลิตออกมา ทำให้รถแต่ละคันมีเลข VIN แตกต่างกันไป เท่ากับว่าตัวเลขหรือตัวอักษรตั้งแต่หลักที่ 1-11 สามารถเหมือนกันได้ แต่ตัวเลข 6 หลักสุดท้ายจะแตกต่างกันไป เพราะเป็นตัวเลขคัสซีเฉพาะของตัวรถนั่นเอง
เลขตัวถังรถอยู่ตรงไหน
หากถามว่าเลขคัสซี อยู่ตรงไหน ? คำตอบคือ ตำแหน่งของเลขตัวถังรถของรถแต่ละรุ่นอยู่ในบริเวณที่แตกต่างกัน เบื้องต้นผู้ใช้รถสามารถเช็กได้จากคู่มือประจำรถว่าเลขตัวถังนั้นอยู่ตรงจุดไหน หรืออาจลองตรวจสอบตามจุด ดังต่อไปนี้
- ผนังด้านในห้องเครื่อง
- แก้มบังโคลนหน้า
- ใต้กระจกบังลมหน้ารถ
- โครงหน้ารถ
- ใต้ยางอะไหล่
- ใต้ซุ้มล้อหลัง
- กระโปรงรถ
- แผงหน้าปัดรถ
- ประตูฝั่งคนขับ
- ใต้พรมฝั่งคนขับ
- แผ่น พ.ร.บ. รถยนต์
จะเห็นได้ว่าเลขตัวถังรถนั้นมีความสำคัญต่อรถเป็นอย่างมาก ดังนั้นควรเช็กตำแหน่งและเลขตัวถังรถอย่างละเอียด โดยเฉพาะเวลาทำการซื้อรถมือสองว่าเลขตัวถังตรงกันหรือไม่ เพื่อความอุ่นใจตลอดการเดินทาง ผู้ใช้รถควรเช็กความพร้อมด้านต่าง ๆ ของรถยนต์ ทั้งสภาพเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ ระบบไฟส่องสว่าง ระบบเบรก รวมไปถึงสภาพยางรถยนต์ หากพบว่ายางแตกลายงาควรเปลี่ยนใหม่ทันที ซึ่งยุคนี้ยางรถยนต์ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การขับขี่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นยางนุ่มเงียบ ยางประหยัดน้ำมัน หรือยางที่ปะตัวเองได้จากเทคโนโลยี Seal Inside ของ Pirelli ที่ช่วยขับขี่ได้อย่างปลอดภัยแม้ยางเหยียบตะปู ถ้าต้องการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์จาก Pirelli ที่มีให้เลือกหลายรุ่น ตามสไตล์การใช้รถทุกรูปแบบ