น้ำมันเครื่องเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลเครื่องยนต์ แต่การเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับรถแต่ละคันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละเบอร์มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน วันนี้ พิเรลลี่ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับน้ำมันเครื่องหลากหลายเบอร์ พร้อมอธิบายถึงความต่างด้านคุณสมบัติ และมาตรฐานในการเลือกใช้งานให้เอง
ความสำคัญในการเลือกเบอร์น้ำมันเครื่อง
การเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถของคุณไม่ใช่แค่เรื่องของยี่ห้อเท่านั้น แต่เบอร์น้ำมันเครื่องที่เลือกใช้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
รู้จักประเภทของน้ำมันเครื่องในท้องตลาด
น้ำมันเครื่องที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามการใช้งาน ดังนี้
- น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ : อายุการใช้งาน 10,000-20,000 กม. หรือ 6 เดือน
- น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ : อายุการใช้งาน 8,000-10,000 กม. หรือ 6 เดือน
- น้ำมันเครื่องแบบธรรมดา : อายุการใช้งาน 5,000-8,000 กม. หรือ 6 เดือน
นอกจากประเภทของน้ำมันเครื่องแล้ว ยังมีมาตรฐานสำคัญที่ต้องพิจารณาอีก 2 มาตรฐานหลัก คือ มาตรฐาน API และ SAE ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกคุณภาพและความเหมาะสมในการใช้งาน
มาตรฐานคุณภาพน้ำมันเครื่องที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้
เมื่อไปซื้อน้ำมันเครื่อง เราจะสังเกตเห็นตัวเลขและตัวอักษรต่าง ๆ บนฉลากผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำคัญที่บ่งบอกคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องแต่ละชนิด มาทำความรู้จักกับมาตรฐานหลักที่ควรรู้กัน
มาตรฐาน SAE – รู้ลึกเรื่องความหนืดของน้ำมันเครื่อง
SAE (Society of Automotive Engineers) เป็นมาตรฐานที่บอกค่าความหนืดหรือความข้นใสของน้ำมันเครื่อง โดยจะแสดงเป็นตัวเลขสองชุด เช่น น้ํามันเครื่อง 5w30 ซึ่งมีความหมาย ดังนี้
ตัวเลขหน้า W (Winter)
- บ่งบอกความหนืดในอุณหภูมิต่ำ
- ยิ่งตัวเลขน้อย น้ำมันเครื่องยิ่งไหลเวียนได้ดีในอากาศเย็น
- เช่น 0W, 5W, 10W (ตัวเลขยิ่งต่ำ ยิ่งทนความเย็นได้ดี)
ตัวเลขหลัง W
- บ่งบอกความหนืดในอุณหภูมิทำงานปกติ
- ยิ่งตัวเลขมาก น้ำมันเครื่องยิ่งมีความหนืดสูง
- เช่น 30 เหมาะกับรถใหม่, 40 เหมาะกับรถทั่วไป, 50 เหมาะกับรถเก่า
มาตรฐาน API – มาตรวัดคุณภาพน้ำมันเครื่อง
API (American Petroleum Institute) เป็นมาตรฐานที่บ่งบอกคุณภาพและสมรรถนะของน้ำมันเครื่อง แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก
เครื่องยนต์เบนซิน (S – Service)
- ใช้อักษร S นำหน้า เช่น API SN, API SP
- ยิ่งตัวอักษรท้ายใกล้ Z มาก ยิ่งมีคุณภาพสูง
- ปัจจุบันนิยมใช้มาตรฐาน SN ขึ้นไป
เครื่องยนต์ดีเซล (C – Commercial)
- ใช้อักษร C นำหน้า เช่น API CJ-4, API CK-4
- ตัวเลข 4 หมายถึงเครื่องยนต์ 4 จังหวะ
- มาตรฐานล่าสุดคือ CK-4
5 เบอร์น้ำมันเครื่องที่มีให้เลือกใช้งาน
เบอร์น้ำมันเครื่องแต่ละแบบมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เหมาะกับสภาพการใช้งานและอายุของเครื่องยนต์ที่ต่างกัน มาดูกันว่าแต่ละเบอร์เหมาะกับรถแบบไหน
1. น้ำมันเครื่อง 0w30
น้ำมันเครื่องเบอร์นี้เหมาะกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ต้องการความคล่องตัวสูง มีคุณสมบัติในการไหลเวียนดีแม้ในอุณหภูมิต่ำ และช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรติดขัด
2. น้ำมันเครื่อง 5w30
เป็นเบอร์น้ำมันเครื่องที่นิยมใช้กันมากในรถยนต์ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ให้การปกป้องเครื่องยนต์ที่ดีทั้งขณะสตาร์ทและขณะใช้งานปกติ ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี
3. น้ำมันเครื่อง 10w30
เบอร์น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งาน 5-7 ปี ให้การหล่อลื่นที่ดีในสภาพอากาศร้อน เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในประเทศไทย และมีราคาไม่แพงมาก
4. น้ำมันเครื่อง 15w40
เหมาะสำหรับรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 7 ปี หรือรถที่ใช้งานหนัก มีคุณสมบัติในการปกป้องเครื่องยนต์ที่ดีในสภาพอากาศร้อน และช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์
5. น้ำมันเครื่อง 20w50
เบอร์น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดสูง เหมาะกับรถเก่าที่มีปัญหาน้ำมันเครื่องรั่วซึม หรือมีการสึกหรอสูง ช่วยเคลือบผิวชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้ดี แต่อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
หากเลือกน้ำมันเครื่องผิดเบอร์ จะส่งผลเสียอย่างไร
การเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องไม่เหมาะสมกับรถ อาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อเครื่องยนต์ได้ โดยเฉพาะในระยะยาว ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น มีดังนี้
- หากใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดต่ำเกินไป เครื่องยนต์อาจได้รับความเสียหายจากการเสียดสีที่มากเกินไป เนื่องจากฟิล์มน้ำมันบางเกินไปไม่สามารถปกป้องชิ้นส่วนได้อย่างเพียงพอ
- หากใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดสูงเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และอาจเกิดการสะสมของคราบตะกอนได้ง่าย
- การสตาร์ทเครื่องในสภาพอากาศเย็นอาจทำได้ยากขึ้น หากใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดไม่เหมาะสม
- ประสิทธิภาพการทำความสะอาดและการปกป้องเครื่องยนต์ลดลง
สรุปบทความ
เมื่อเรารู้จักการเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสม เครื่องยนต์ก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยมีการอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากน้ำมันเครื่องแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม นั่นคือยางรถยนต์ ที่จำเป็นจะต้องเลือกให้ดีเช่นกัน เหมือนกับยาง Pirelli Cinturato P7 ที่เป็นยางสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม ที่มีเทคโนโลยี Seal Inside ซึ่งเป็นยางปะตัวเองได้ จึงปลอดภัยในการขับขี่ แม้จะเกิดสิ่งของมีคมทิ่มแทงก็ตาม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถสามารถถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ก่อนนำรถไปเปลี่ยนยาง
PIRELLI ยางรถยนต์คุณภาพมาตรฐานระดับโลกที่อยู่คู่ท้องถนนมานานกว่า 152 ปี มาพร้อมกับการรับประกัน บาด บวม แตก เคลมฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กม. (เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น ทุกรุ่น ทุกขนาด และลงทะเบียนภายใน 14 วัน)
บทความจาก Pirelli

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิด 2568 เลือกสีรถยนต์อย่างไรให้เสริมดวง รุ่งเรือง
การเลือกสีรถตามวันเกิดเป็นสิ่ง …