เครื่องชาร์จ EV ของสำคัญที่รถไฟฟ้าควรมีติดบ้าน
กระแสของรถยนต์ EV ยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังมีผู้จัดจำหน่ายรถยนต์หลายค่ายขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้เลือกใช้งานหลายรุ่นหลายราคา ไม่ว่าจะเป็น Tesla, Neta, Lotus หรือ MG เป็นต้น ส่งผลให้เข้าถึงผู้ใช้งานได้หลายกลุ่มและยังเป็นการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง รวมไปถึงช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม กระนั้นด้วยกระแสที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้จุดให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุมมากพอต่อการใช้งาน ส่งผลให้มีการผลิตเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้านออกมา ฉะนั้นมาดูกันว่าเครื่องชาร์จไฟฟ้าส่วนตัวจะมีความคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน
เครื่องชาร์จรถไฟฟ้า ข้อควรรู้ของผู้ใช้รถ
การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ามีความแตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปหลายจุด หนึ่งในสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการเติมพลังงานไฟฟ้าที่อาจสร้างความยุ่งยากสำหรับนักขับมือใหม่ เพราะนอกจากจุดเติมพลังงานจะยังไม่ครอบคลุมเมื่อเทียบกับปั๊มเติมน้ำมันทั่วไป ยังอาจต้องใช้เวลามากกว่าและต้องจองคิวใช้บริการ ส่งผลให้มีผู้ใช้งานรถไฟฟ้าหลายท่านต่างเลือกใช้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าติดบ้านกันเพิ่มมากขึ้น
สำหรับประเภทการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีอยู่ 2 รูปแบบ
- ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC)
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบกระแสสลับเป็นรูปแบบที่คุ้นเคยกันดีในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นกระแสไฟฟ้าที่ถูกนำมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้าน รวมไปถึงการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ส่งผลให้อาจต้องใช้เวลาในการชาร์จนาน 7-12 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่และอุปกรณ์เครื่องมือการชาร์จในบ้าน
- การชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC)
เป็นวิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่แล้วมักใช้กันในสถานีชาร์จสาธารณะ ซึ่งระยะเวลาการชาร์จแบบเร็วจาก 0 ถึง 100% จะมีความแตกต่างกันแล้วแต่รุ่นของรถยนต์ไฟฟ้า โดยปกติจะมีบ่งบอกอยู่ในคู่มือของรถคันดังกล่าวอยู่แล้ว
ตู้ชาร์จรถไฟฟ้า ก่อนติดตั้งที่บ้านต้องคำนึงอะไรบ้าง
- รูปแบบของเครื่องชาร์จ
ส่วนใหญ่แล้วเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านจะถูกแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ โดยแบบแรกจะแถมมากับรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว เรียกว่า Emergency Use ซึ่งปกติจะให้กำลังไฟเพียง 2 กิโลวัตต์เท่านั้น ส่งผลให้จะต้องใช้เวลาชาร์จนานหลายสิบชั่วโมง ไม่ค่อยเหมาะสมต่อการใช้งานที่ต้องใช้รถยนต์เดินทางในชีวิตประจำวัน ขณะที่ปลั๊กไฟภายในบ้านส่วนใหญ่ไม่รองรับขนาดแอมป์สูง ๆ จนอาจก่อให้เกิดอัคคีภัยได้ ดังนั้นควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
อย่างไรก็ดีอีกรูปแบบคือ EV Charger หรือการชาร์จจากแท่นชาร์จที่ได้รับการติดตั้งอย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่าแบบแรก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าบางยี่ห้อจะแถมมาให้ติดตั้งด้วย
- หัวชาร์จ
หัวชาร์จที่นิยมใช้กันทั่วไปจะมีอยู่ทั้งหมด 2 ประเภท โดย Type 1 จะใช้กับรถญี่ปุ่นหรือสหรัฐอเมริกา ส่วน Type 2 จะเป็นรถยุโรปและจีน ซึ่งทั้งสองชนิดจะมีความแตกต่างที่ชัดเจนคือรูปแบบของหัวชาร์จที่แบบแรกเป็น 5 Pin และแบบที่ 2 คือ 7 Pin นั่นเอง
- จัดเตรียมระบบไฟภายในบ้าน
บ้านแต่ละหลังมีการใช้จำนวนเฟสไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น 1 เฟส และ 3 เฟส ซึ่งแบบ 1 เฟสแม้สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ แต่อาจให้กำลังไฟที่น้อยกว่าจนเป็นเหตุให้ต้องเสียเวลาชาร์จที่นานกว่า ขณะที่รูปแบบ 3 เฟสจะทำให้ชาร์จได้รวดเร็วขึ้น ป้องกันไม่ให้ระบบไฟทำงานหนักจนเกินไป แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องขึ้นอยู่กับจำนวนการใช้ไฟฟ้าของบ้านและรถยนต์เช่นกัน ส่วนสายไฟฟ้าต้องใช้แบบที่มีมอก. ความปลอดภัยอยู่ในระดับสากล
- มิเตอร์ไฟฟ้า
นอกเหนือจากเรื่องระบบไฟฟ้าภายในบ้าน อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องให้ความสนใจคือ มิเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งควรจะเป็นมิเตอร์ขนาด 30(100)A เพื่อป้องกันการใช้ไฟฟ้าที่มากเกินไป
- เครื่องตัดไฟฟ้ารั่ว
ควรเลือกใช้งานเครื่องตัดไฟฟ้ารั่วร่วมด้วย เพราะจะช่วยตัดไฟฟ้าเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าออกไม่เท่ากัน ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงต่อปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรที่ก่อให้เกิดปัญหาไฟไหม้หรือเป็นอันตรายต่อชีวิต ควรเลือกระบบตัดไฟแบบ RCD Type B
- จุดติดตั้ง
ควรเลือกจุดติดตั้งให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขนาดของตัวรถยนต์หรือความยาวของสายชาร์จ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและรุ่นรถ ดังนั้นอย่างน้อยควรให้เครื่องไม่ห่างจากช่องชาร์จรถยนต์เกิน 5 เมตร รวมไปถึงอยู่ในพื้นที่ร่มมีหลังคาปกคลุมป้องกันทั้งแสงแดดและเม็ดฝน ช่วยรักษาเครื่องให้ใช้ได้ยาวนานมากขึ้น
- ให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการติดตั้ง
หากไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญหรือมีความรู้ในการติดตั้ง รู้สึกได้ถึงความเสี่ยง สามารถติดต่อขอใช้บริการให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาติดตั้งให้ได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะมีความแตกต่างกันไป
ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซื้อติดบ้านคุ้มค่าหรือไม่
การเลือกซื้อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าต้องยอมรับว่ามีมูลค่าที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมีราคาตั้งแต่หลัก 40,000 บาทพุ่งขึ้นไปถึงหลักแสน นอกจากนี้ยังอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาติดตั้งด้วย ส่งผลให้อาจต้องเสียเม็ดเงินเพิ่มเติม แต่เมื่อเทียบกับการประหยัดเวลาและไม่จำเป็นต้องจองคิวเพื่อชาร์จข้างนอกแล้ว ถือเป็นทางเลือกที่มีความคุ้มค่าสูง
ยางรถยนต์ไฟฟ้า ความคุ้มค่าเสริมความปลอดภัย
นอกเหนือไปจากการค่าใช้จ่ายและความปลอดภัยจากการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้าน อีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือการเลือกยางรถยนต์ที่ต้องมีมาตรฐาน จึงควรเลือกใช้ยางรถยนต์ Pirelli ที่มประสบการณ์ยาวนานในวงการมานานกว่า 151 ปี ซึ่งยางOEM คือเครื่องยืนยันความไว้วางใจจากแบรนด์รถยนต์ชั้นนำมากมาย
โดยทางพิเรลลี่ได้ออกแบบเทคโนโลยียาง ELECT™ เพื่อยางรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ ช่วยให้เดินทางได้ไกลมากขึ้นด้วยการลดการสูญเสียพลังงาน เพิ่มระยะทางในการใช้งานแบตเตอรี่ได้มากถึง 10% นอกจากนี้ยังถูกออกแบบมาให้รับมือแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์ไฟฟ้า ทั้งยังพัฒนาเรื่องของประสิทธิภาพการเร่งและการเบรก ทำให้ขับขี่ได้สนุกและปลอดภัยยิ่งขึ้น มอบความเงียบที่เหนือชั้นกว่า ถูกออกแบบมาให้ลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารได้มากที่สุดถึง 20%
หากอยากเสริมความปลอดภัยให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของคุณ สามารถติดต่อได้เลยที่ Pirelli ATV มีตัวเลือกยางรถยนต์มากมายหลายขนาด ครอบคลุมรถยนต์หลากประเภท นอกจากนี้ยังขอรับคำปรึกษาสอบถามเรื่องการซื้อยางได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีบริการหลังการขายยอดเยี่ยม มั่นใจได้ด้วยประกันยาง “บาด-บวม-แตก” ที่สามารถเคลมฟรี 1 ปี หรือระยะทาง 25,000 สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อินบอกซ์เฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires