ป้องกันเหตุไฟไหม้รถได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง
เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์สิ่งแรกที่ผู้ขับขี่ทำหลังออกมาจากตัวรถ นั่นคือการโทรเรียกเจ้าหน้าที่ให้มาระงับเหตุและหาทางดับไฟอย่างรวดเร็ว ซึ่งการมีถังดับเพลิงอาจช่วยให้ระงับเหตุได้ไวขึ้น อีกทั้งทุกวันนี้ก็มีเหตุไฟไหม้รถให้เห็นหลายเหตุการณ์ทีเดียว ทำให้ไฟไหม้อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่ใครหลายคนคิด เพื่อความปลอดภัยควรมีถังดับเพลิงติดรถยนต์เอาไว้ แต่ถังดับเพลิงที่วางจำหน่ายในปัจจุบันมีหลายประเภท แล้วแบบไหนถึงจะเหมาะสำหรับเอาไว้ใช้ในรถ วันนี้พิเรลลี่ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักว่าถังดับเพลิงมีกี่ชนิด กี่สี รวมถึงถังดับเพลิงแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร ตามมาดูคำตอบกัน
ไฟไหม้รถเกิดจากอะไร
ไฟไหม้รถยนต์เป็นเหตุไม่คาดฝันที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เกิด แต่ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวเกิดเหตุไฟไหม้รถอยู่เป็นระยะ ทำให้ผู้ขับขี่หลายคนพยายามหาสาเหตุว่ารถไฟไหม้เกิดจากอะไร เพื่อหาหนทางป้องกันอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งสาเหตุหลักที่รถไฟไหม้มีดังนี้
- น้ำมันเชื้อเพลิงรั่วไหล ถือเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้เกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์ เพราะถ้าเกิดการรั่วไหลและมีประกายไฟเพียงแค่ครั้งเดียว ก็ลุกลามจนเกิดไฟไหม้รถทั้งคันได้
- ไฟฟ้าลัดวงจร ตามที่ทราบกันดีว่าระบบไฟฟ้าถูกเดินไปทั่วรถ หากเชื่อมต่อไม่ดีหรือสายไฟจุดใดจุดหนึ่งเสื่อมสภาพก็อาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้ได้
- เครื่องยนต์อุณหภูมิสูง เป็นสาเหตุให้ของเหลวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือน้ำยาหล่อเย็น มีอุณหภูมิสูงขึ้นตามไปด้วย ถ้าของเหลวเหล่านี้รั่วออกมาและกระจายไปทั่วห้องเครื่อง ก็เป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ได้
- ของในรถเกิดลุกไหม้ เชื่อว่าผู้ขับขี่จำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าสิ่งของที่วางทิ้งไว้ภายในรถก็เป็นสาเหตุของไฟไหม้รถยนต์ได้เช่นเดียวกัน เช่น สเปรย์กระป๋อง ขวดน้ำหอมที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ผสมอยู่มากทำให้จุดเผาไหม้ต่ำ ไฟแช็ก Power Bank โทรศัพท์มือถือ ตลอดจนสายชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ขาดการซ่อมบำรุงรักษาหรือปล่อยส่วนที่เสียหายทิ้งไว้เป็นเวลานาน จนเป็นเหตุให้ส่วนอื่น ๆ เสียหายตามไปด้วย ซึ่งการนำรถยนต์เข้ารับการตรวจสภาพอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ช่วยลดโอกาสเกิดเหตุไฟไหม้รถ แต่ยังเป็นเรื่องของความปลอดภัยขณะขับขี่ เพราะรถที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมาะกับการใช้งานช่วยให้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย
เพลิงไหม้แบบไหน เกิดขึ้นภายในรถได้
ก่อนเลือกซื้อถังดับเพลิงติดรถยนต์ ควรมาทำความเข้าใจก่อนว่าประเภทของเพลิงไหม้ที่สามารถเกิดได้ในรถยนต์มีความแตกต่างกัน เป็นผลให้ต้องเลือกใช้เคมีในการดับไฟที่ต่างกันไปด้วย ทำให้ผู้ขับขี่ต้องศึกษาเรื่องประเภทของไฟอย่างละเอียด เพื่อเลือกซื้อถังดับเพลิงมาใช้ได้อย่างถูกต้อง โดยเหตุเพลิงไหม้ที่สามารถเกิดในรถได้ มีดังนี้
- เพลิงไหม้ประเภท A : เป็นเพลิงที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่เป็นของแข็ง อาจมีต้นเพลิงมาจากวัสดุของรถ เช่น เบาะรถยนต์
- เพลิงไหม้ประเภท B : เป็นเพลิงที่เกิดจากน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันเครื่อง แก๊สรถยนต์
- เพลิงไหม้ประเภท C : เป็นเพลิงที่เกิดจากการขัดข้องของไฟฟ้า ซึ่งสามารถเกิดภายในรถได้จากการทำงานผิดพลาดของแบตเตอรี่
ถ้าถามว่า ควรเลือกซื้อถังดับเพลิงประเภทไหนดี ? คำตอบคือ ให้ผู้ขับขี่ซื้อถังดับเพลิงที่ครอบคลุมไฟเหตุเพลิงไหม้ทั้ง 3 ประเภทในข้างต้น
แนะนำการเลือกถังดับเพลิง ให้ครอบคลุมเหตุไฟไหม้รถ
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าถังดับเพลิงมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันที่สารเคมีที่บรรจุอยู่ภายใน แม้มีความสามารถในการดับไฟเช่นเดียวกัน แต่ก็มีข้อดี ข้อเสียที่ต่างกัน ดังนี้
แบบสเปรย์โฟม : รองรับการดับเพลิงประเภท A, B (แบบจำกัด)
- ข้อดี น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
- ข้อเสีย ไม่สามารถดับไฟได้ทุกชนิด
แบบผงเคมีแห้ง : รองรับการดับเพลิงประเภท A, B, C (แบบจำกัด)
- ข้อดี สามารถดับไฟได้เร็วกว่าแบบสเปรย์โฟม
- ข้อเสีย เมื่อฉีดออกมาจะฟุ้งกระจาย แม้ฉีดเคมีไม่หมดแต่แรงดันจะตก และไม่สามารถใช้งานได้อีก ต้องทำการส่งบรรจุใหม่
แบบสารเหลวระเหย : รองรับการดับเพลิงประเภท A, B, C
- ข้อดี สามารถดับไฟได้ทุกประเภท ไม่ทิ้งคราบสกปรกหลังใช้ ที่สำคัญถึงใช้ไม่หมดก็นำกลับมาใช้ซ้ำได้
- ข้อเสีย มีราคาค่อนข้างสูง
แบบเคมีสูตรน้ำ : รองรับการดับเพลิงประเภท A, B, C
- ข้อดี สามารถดับไฟได้ทุกประเภท ดับไฟได้เร็ว พร้อมป้องกันไฟลุกขึ้นมาติดอีก ถึงใช้ไม่หมดก็นำมาใช้ซ้ำได้
- ข้อเสีย มีราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลข้างต้น เห็นได้ว่าถังดับเพลิงแบบสารเหลวระเหยและแบบเคมีสูตรน้ำ ที่สามารถรองรับไฟทุกประเภทถือเป็นตัวเลือกที่ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้าม ส่วนจะเลือกใช้งานถังดับเพลิงแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ขับขี่
รถไฟไหม้ ควรอย่างไร
(1) ถ้าได้กลิ่นน้ำมันหรือมีกลุ่มควันจากฝากระโปรงรถ ให้ผู้ขับขี่นำรถจอดข้างทางแล้วดับเครื่องยนต์ทันที แต่ถ้าไม่สามารถนำรถเข้าข้างทางได้ ให้เปิดไฟฉุกเฉินแล้วจอดรถ จากนั้นรีบออกจากตัวรถมาอยู่ในระยะที่ปลอดภัยทันที
(2) หากพบว่ามีไฟลุกเพียงเล็กน้อย เบื้องต้นให้ใช้ถังดับเพลิงเคมีฉีดพ่นบริเวณต้นเพลิงด้วยความระมัดระวัง
(3) กรณีที่ไม่สามารถควบคุมไฟได้ ให้รีบออกไปอยู่ในระยะห่างที่ปลอดภัยแล้วโทรขอความช่วยเหลือที่เบอร์โทรฉุกเฉิน เช่น เบอร์ 191 ติดต่อแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่เบอร์ 199
วิธีป้องกันไม่ให้ไฟไหม้รถ
(1) เติมน้ำภายในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่พอดีและหมั่นตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
(2) ตรวจสอบท่อน้ำมันเชื้อเพลิงว่ามีรอยรั่วและสิ่งแปลกปลอมหลุดลอดเข้าไปหรือไม่ ขณะเดียวกันรถยนต์ที่ใช้แก๊สตามข้อต่อของท่อแก๊สต้องไม่มีรอยรั่วเช่นเดียวกัน
(3) หากพบว่า รอยน้ำมันรั่วซึมหยดลงที่พื้นให้นำรถเข้าตรวจสอบหาจุดที่ชำรุดแล้วทำการซ่อมแซมทันที
(4) หากเปิดกระโปรงหน้ารถแล้วสังเกตเห็นเขม่าดำติดอยู่โดยรอบ หมายความว่าเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ ให้รีบนำรถเข้าตรวจทันที
(5) ปลอกหุ้มสายไฟในรถยนต์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ หากมีรอยฉีกขาดหรือหลุดลอกให้รีบทำการเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด
(6) ไม่ใส่ของไว้ในรถยนต์มากเกินความจำเป็น รวมถึงระมัดระวังการทิ้งสิ่งของบางอย่างไว้บนรถ
สุดท้ายไม่ว่าจะติดตั้งถังดับเพลิงหรือไม่ สิ่งที่ผู้ขับขี่ไม่ควรละเลยก็คือการตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมใช้งานเสมอ หากพบว่าอะไหล่ตรงจุดไหนเสื่อมสภาพก็ควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที โดยเฉพาะยางรถยนต์สิ่งที่ช่วยให้รถเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ด้วยเหตุนี้การเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะกับรถและมีเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยที่น่าสนใจ อย่างยางรถยนต์แบรนด์ Pirelli ซึ่งมีเทคโนโลยี Run Flat ที่ช่วยให้รถวิ่งต่อไปได้แม้แรงดันลมยางเหลือศูนย์ หรือเทคโนโลยี Seal Inside ที่มีซิลิโคนภายในยาง เมื่อเกิดปัญหารถยางรั่วกลางทางก็จะส่งเจลซิลิโคนออกมาอุดรูรั่ว ทำให้ยางยังคงวิ่งต่อไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชุดปะยางฉุกเฉิน นี่ถือเป็นอีกตัวเลือกยางรถยนต์คุณภาพดีที่คนมีรถไม่ควรมองข้าม