รถยนต์เป็นหนึ่งในพาหนะที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าผู้ใช้งานรถยนต์ย่อมต้องมีความต้องการที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีการแบ่ง Segment รถยนต์ย่อยออกมา เพื่อให้มีฟังก์ชันต่าง ๆ สอดคล้องต่อผู้ใช้งานจริง ๆ วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่า Segment รถยนต์คืออะไร มีรายละเอียดที่แตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนจะเหมาะกับการใช้งานของคุณ มาดูกันเลย!
Segment รถยนต์คืออะไร
Segment รถยนต์ คือ การแบ่งประเภทรถยนต์ตามขนาด จะใช้กับรถยนต์ประเภทรถเก๋ง การจำแนกตาม Segment นั้นเกิดขึ้นจากประเทศแถบยุโรป ปัจจุบันมีการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย ปัจจุบันจะจัด Segment รถยนต์เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ A-E ซึ่งแต่ละประเภทมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป
Segment รถยนต์แบ่งอย่างไร
สำหรับการแบ่ง Segment รถยนต์ นั้นจะแบ่งตามขนาดของรถ ลักษณะรถยนต์คันนั้นๆ ขนาดของเครื่องยนต์รวมไปถึงราคาด้วย โดยแต่ละ Segment รถยนต์ มีรายละเอียดดังนี้
A Segment
A Segment คือ รถขนาดเล็ก เน้นการเดินทางที่ต้องอาศัยความคล่องแคล่ว หาที่จอดง่าย เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและชานเมือง ข้อดีของรถประเภทนี้คือ ความคล่องตัว ไม่เปลืองเชื้อเพลิง อัตราเร่งดี ไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาเยอะ แต่ข้อเสียก็คือ ห้องโดยสารไม่กว้างขวาง ไม่สามารถขับไปไหนไกลๆ ได้ เหมาะกับคนที่หัดขับรถ ขับรถเฉพาะในเมือง ราคาจะเริ่มต้นที่ 300,000 บาทไปจนถึงล้านต้นๆ สำหรับรถยนต์ A Segment คือ ORA Good Cat, Suzuki Celerio และ Nissan March เป็นต้น
B Segment
B Segment คือ รถที่มีขนาดใหญ่กว่า A Segment ขึ้นมาอีกนิด ทั้งขนาดของตัวถังและเครื่องยนต์เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีขนาดที่พอดี กำลังเครื่องยนต์อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เหมาะกับทุกการใช้งาน ราคาก็ไม่แพงมากจนเกินไป และยังสามารถเลือกใช้งานได้ตามต้องการได้อีก 2 รูปแบบคือ Eco Car ที่ขนาดเครื่องยนต์ประมาณ 1,200 cc. และรถยนต์ปกติที่เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 cc.
ข้อดีของ Segment รถยนต์ประเภท B คือมีความประหยัดน้ำมัน มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายเหมาะกับเป็นรถอเนกประสงค์ สามารถจุสัมภาระได้เยอะ ส่วนข้อเสียคืออาจจะมีกำลังเร่งที่อืดบ้างเวลาเร่งเครื่องยนต์ เหมาะกับเป็นรถครอบครัวที่ต้องมีการบรรทุกสัมภาระที่เยอะขึ้น ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 400,000 บาท – 2 ล้านต้นๆ Segment รถยนต์ ประเภท B ยกตัวอย่างเช่น Honda City, Toyota Vios, Mazda 2 และ MG3 เป็นต้น
C Segment
C Segment คือ รถขนาดกลางที่มีขนาดจุเครื่องยนต์มากกว่า 1,500 cc. เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หนัดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการโดยสารหรือการบรรทุกของ รถ C Segment นี้มักจะมีความยาวของตัวรถประมาณ 4.4-4.75 เมตร สำหรับข้อดีของ Segment รถยนต์ ประเภท C คือ ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ สามารถขับได้ทั้งในเมืองและการขับไปต่างจังหวัดไกลๆ เป็นรถที่ยึดเกาะถนนได้ดี ความกว้างของห้องสำหรับผู้โดยสารกว้างขวาง แต่มีราคาที่ค่อนข้างสูง เหมาะกับครอบครัวใหญ่ ราคาเริ่มต้นของ Segment รถยนต์ ประเภท C ประมาณ 800,000 – 1,200,000 บาท Segment รถยนต์ ประเภท C เช่น Honda Civic, Toyota Altis และ Mazda 3 เป็นต้น
D Segment
D Segment คือ รถยนต์ที่มีขนาดที่นั่งขนาดใหญ่ ดีไซน์หรูหรา มีฟังก์ชันที่ล้ำสมัย ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี และยังมีสมรรถนะที่ดีกว่า Segment รถยนต์ กลุ่ม C เครื่องยนต์มากกว่า 2,500 cc. ใช้วัสดุในการประกอบที่รองรับการใช้งานของเทคโนโลยีและฟังก์ชันต่างๆ อย่างครบครัน ข้อดีคือมีเทคโนโลยียานยนต์ที่ทันสมัย เกรดพรีเมียม อำนวยความสะดวกในการใช้งาน กว้างขวางไม่อึดอัด ส่วนข้อเสียคือราคาที่แพงขึ้น รวมไปถึงค่าซ่อมบำรุงที่แพงขึ้นไปด้วย Segment รถยนต์ ประเภท D นี้เหมาะกับคนที่ชอบความสวยหรู ชอบเทคโนโลยี ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,200,000 บาท-2,070,000 บาท Segment รถยนต์ ประเภท D เช่น Honda Accord, Toyota Camry และ BMW Series 3 เป็นต้น
E Segment
E Segment คือ เป็นรถยนต์เก๋งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในต่างประเทศจะเรียกอีกอย่างว่า “Full Size Car” เป็นรถยนต์ที่มีความดีเลิศในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นกำลังเครื่อง อุปกรณ์ ฟังก์ชันที่ทันสมัย ระบบยางนุ่มเงียบ บางรุ่นมีการเพิ่มระบบนวดที่เบาะด้วย ข้อดีคือความหรูหราอย่างเต็มรูปแบบ ความสะดวกสบาย ความบันเทิงครบครัน ข้อเสียคือราคาที่สูงมากทั้งราคารถและค่าซ่อมบำรุงแถมยังต้องบำรุงรักษาเป็นประจำ Segment รถยนต์ ประเภท E นี้เหมาะกับผู้บริหาร หรือกลุ่มคนที่ต้องการความสะดวกสบายใจการโดยสารรถยนต์มากๆ ราคาเริ่มต้น 3,200,000 – 6,200,000 บาท ตัวอย่าง Segment รถยนต์ ประเภท D คือ BMW 5 Series, Audi A6 และ mercedes-Benz E-Class เป็นต้น
สรุปบทความ
Segment รถยนต์ ประเภทต่างๆ ก็จะมีขนาดของตัวถัง เครื่องยนต์ ฟังก์ชัน ความกว้างขวางและการใช้งานที่แตกต่างกัน แต่ละ Segment รถยนต์จึงมีลักษณะยางที่ค่อนข้างเจาะจง เช่น ยาง SUV ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถยนต์อเนกประสงค์ ให้ความนุ่มเงียบขับสบายแต่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ซึ่งยาง Pirelli มีตัวเลือกที่ครอบคลุมรถยนต์หลาย Segment ตามรุ่นและลักษณะการใช้งาน ค้นหายางที่ถูกใจบนเว็บไซต์ Pirelli ได้เลย