หาคำตอบ น้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนทุกกี่กิโล
เชื่อว่าเจ้าของรถยนต์ทุกคันต่างทราบกันดีว่าหนึ่งในวิธีบำรุงรักษารถให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น ก็คือการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ต้องทำอย่างถูกต้องตามระยะเวลาที่เหมาะสม ถึงอย่างนั้นมีข้อสงสัยว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุกกี่กิโลเมตร หรือต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ ระยะเท่าใด ? คำตอบคือควรทำเป็นประจำทุก ๆ 8,000-10,000 กิโลเมตร หรือเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุก 6 เดือน แต่ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถด้วย เห็นได้ว่าเรื่องน้ำมันเครื่องไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่จะมองข้ามได้ เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าใจความสำคัญการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกันมากขึ้น วันนี้เราได้รวบรวมคำถามที่คุณอาจยังไม่รู้คำตอบมาฝาก
น้ำมันเครื่อง คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร
น้ำมันเครื่อง หรือ Engine Lubricant เป็นสารหล่อลื่นที่ทำหน้าที่เป็นฟิล์มเคลือบชิ้นส่วนโลหะภายในเครื่องยนต์ไม่ให้เสียดสีกันจนเกิดความร้อนหรือทำงานผิดปกติ โดยปัจจุบันมีน้ำมันเครื่องให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมของเครื่องยนต์หลัก 3 ประเภท คือ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ และน้ำมันเครื่องธรรมดา
ความสำคัญของน้ำมันเครื่อง
- ลดแรงเสียดทานระหว่างชิ้นส่วนต่าง ๆ ในเครื่องยนต์ เพราะน้ำมันเครื่องมาพร้อมคุณสมบัติคล้ายฟิล์มเคลือบ ทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์เกิดการเสียดสีน้อยลง จึงช่วยป้องกันการสึกหรอของเครื่องยนต์
- ระบายความร้อน ยังทำหน้าที่ระบายความร้อนของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะลูกสูบและแหวนลูกสูบ เมื่อน้ำมันเครื่องถูกฉีดไปที่หัวลูกสูบจะนำพาความร้อนของลูกสูบมาระบายที่อ่างน้ำมันเครื่อง
- ป้องกันการเกิดสนิม หลายคนอาจไม่รู้ว่าความชื้นและออกซิเจนทำให้ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์เกิดสนิมได้ แต่ในน้ำมันเครื่องมีสารป้องกันสนิมอยู่ ทำให้โลหะไม่ต้องสัมผัสกับความชื้นอันเป็นสาเหตุให้เกิดสนิท
- ช่วยล้างเขม่าจากการเผาไหม้ เนื่องจากน้ำมันเครื่องมีส่วนช่วยทำความสะอาดเครื่องยนต์จากการเผาไหม้ จึงมั่นใจได้ว่าภายในเครื่องยนต์ปราศจากเศษผงเขม่าและคราบโลหะต่าง ๆ ซึ่งหากทิ้งเอาไว้จะเกิดการอุดตันและทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติได้
- ป้องกันการรั่วในกระบอกสูบ พอมีน้ำมันเครื่องมาช่วยเคลือบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทำให้ลดความเสี่ยงเกิดกำลังอัดรั่วออกมาจากกระบอกสูบหรือห้องเผาไหม้
น้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนตอนไหน
เมื่อพิจารณาจากความสำคัญของน้ำมันเครื่องพบว่า เป็นการถ่ายน้ำมันเครื่องเพื่อรักษาความสะอาดเครื่องยนต์ ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้รถยนต์ต้องนำรถไปเข้ารับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเมื่อครบระยะหรือหมดอายุการใช้งาน แล้วเมื่อไหร่ถึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะ โดยปกติรถยนต์ส่วนใหญ่ถูกกำหนดให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ดังนี้
(1) ควรเปลี่ยนตามระยะของน้ำมันเครื่อง นั่นคือเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อรถวิ่งครบ 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อนกัน
(2) เปลี่ยนทุก 6 เดือน สำหรับคนที่ขับรถน้อย เพราะว่าน้ำมันเครื่องมีการเสื่อมประสิทธิภาพลงตามเวลาและอาจก่อให้เกิดสนิมหรือคราบเขม่าตามมาได้หากฝืนใช้งาน
อย่างไรก็ดีเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ควรทำการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องควบคู่กันไป เพื่อให้น้ำมันเครื่องที่เพิ่งเปลี่ยนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งช่วยให้กันตะกอนตกค้างไม่ให้เข้าไปปะปนกับน้ำมันเครื่อง นอกจากนี้ไม่จำเป็นต้องรอจนครบระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด หากสังเกตเห็นว่าน้ำมันเครื่องมีปริมาณลดลงหรือมีสีดำผิดปกติ ก็ควรที่จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทันที เพราะเป็นสัญญาณเตือนว่ารถยนต์เริ่มมีอาการผิดปกติ
หากไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จะเกิดอะไรขึ้น
(1) รถอืดเร่งไม่ขึ้น หรือเหยียบคันเร่งแล้วตอบสนองไม่ทันใจ ซึ่งเรื่องนี้มีผลต่อการเร่งเครื่องหรือแซงในเวลาคับขัน โดยสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากน้ำมันเครื่องเริ่มหนืด
(2) เมื่อน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพการหล่อลื่นลดลง ทำให้ชิ้นส่วนโลหะภายในเสียดสีกันโดยตรงและสึกหรอเร็วกว่าปกติ
(3) เปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ เพราะเมื่อประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องลดลง จะส่งผลโดยตรงทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นเมื่อมีการเร่งเครื่อง
(4) เครื่องยนต์สกปรก เพราะไม่มีน้ำมันเครื่องคอยทำความสะอาด เป็นผลให้ชิ้นส่วนภายในรถยนต์เกิดการสะสมคราบตะกรันยางเหนียวเกาะติดภายในเครื่อง
(5) เมื่อไม่มีฟิล์มคอยเคลือบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ก็ทำให้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์เสี่ยงต่อการสึกหรอและพังได้ง่าย สิ่งที่ตามมาคือค่าซ่อมแซมที่สูงกว่าค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ไหนดี
เมื่อทราบกันแล้วว่าการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องช่วยถนอมและยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ต่าง ๆ แต่ควรนำรถไปถ่ายน้ำมันเครื่องที่ไหนดี ? คำตอบคือ สามารถเลือกเข้าใช้บริการได้ทั้ง (1) ศูนย์บริการรถยนต์ต่าง ๆ ที่มั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดีตามมาตรฐาน ตรวจเช็ก ตรวจสอบส่วนต่าง ๆ โดยช่างผู้เชี่ยวชาญของรถยนต์ยี่ห้อนั้น ๆ เหมาะสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่หรือเจ้าของรถใหม่ป้ายแดง และ (2) ศูนย์บริการทั่วไปหรืออู่ด้านนอก ซึ่งหลายแห่งมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการ ทั้งมีมาตรฐานไม่ต่างจากศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อดัง สุดท้ายจะเลือกเปลี่ยนถ่ายน้ำเครื่องที่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ขับขี่เป็นหลัก
นอกเหนือจากเปลี่ยนน้ำเครื่องตามกำหนดเวลาหรือเมื่อครบระยะทางแล้ว การตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอะไหล่ที่ใกล้เสื่อมสภาพ โดยยางรถยนต์ก็เป็นอีกชิ้นส่วนที่ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลต่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนนและคนที่คุณรัก ฉะนั้นถ้าตรวจพบว่ายางรถยนต์แตกลายงา ดอกยางสึก หรือเคยรั่วมาก่อน ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทั้ง 4 เส้นในครั้งเดียว เพราะการเปลี่ยนยางทีละเส้นทำให้คุณภาพยางไม่สมดุลกัน ทั้งอาจส่งผลกระทบต่อการขับขี่ และยางรถยนต์ Pirelli ถือเป็นยางคุณภาพที่มีประสบการณ์การผลิตยางมากกว่า 151 ปี ชำนาญและใส่ใจการผลิตให้เข้ากับรถยนต์หลากประเภท หากสนใจยางรถยนต์คุณภาพ อย่าลืมนึกถึง Pirelli