การโอนรถเปลี่ยนเจ้าของทำอย่างไร เสียค่าใช้จ่ายหรือไม่
รถยนต์เป็นยานพาหนะสำคัญที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น แต่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะสามารถครอบครองรถให้เป็นชื่อตัวเองได้ทันที เพราะเจ้าของรถยนต์ทุกคันต้องมีการจดทะเบียนครอบครองเป็นเจ้าของรถอย่างถูกกฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเอกสารโอนรถอาจไม่เป็นปัญหาสำหรับการซื้อขายรถยนต์มือหนึ่ง แต่กรณีซื้อขายรถยนต์มือสองหรือได้รับมรดกตกทอด มักมาพร้อมขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ไปยังผู้ครอบครองคนใหม่ที่ค่อนข้างยุ่งยาก บทความนี้ Pirelli ขอมาแจกแจงลิสต์เอกสารโอนรถที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนเปลี่ยนเจ้าของ เพื่อให้คุณส่งต่อรถได้อย่างสบายใจ
การโอนรถมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร?
การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ คือ การเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถยนต์จากเจ้าของเดิมให้กลายเป็นเจ้าของคนใหม่ สามารถเกิดขึ้นได้หลายกรณีทั้งการโอนรถแบบซื้อขาย เช่น การซื้อรถมือสอง ที่ต้องมีการโอนรถแบบเป็นกิจลักษณะทันทีที่มีการทำสัญญาร่วมกัน เพราะหากขายรถยนต์ไปแล้วแต่ยังไม่ได้ทำการโอนชื่อให้เป็นคนใหม่ ถ้ารถยนต์คันดังกล่าวถูกนำไปใช้ในทางผิดกฎหมายจนมีคดีความ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายต่าง ๆ คือเจ้าของรถคนเดิม นอกจากนี้ยังมีการโอนรถแบบไม่ได้ซื้อขาย เช่น โอนรถเป็นมรดก โอนรถให้ลูก โอนรถให้ญาติก็ต้องได้รับการโอนกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องเช่นกัน ดังนั้นเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้เป็นชื่อเจ้าของคนปัจจุบันจึงกลายเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ โดยปัจจุบันการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์มีให้เลือกหลายวิธี ดังนี้
1. การโอนกรรมสิทธิ์แบบโอนตรง คือ ผู้ขายกับผู้ซื้อต้องเดินทางไปทำการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ต่อหน้านายทะเบียน ณ กรมการขนส่งทางบกที่รถคันนั้นจดทะเบียนอยู่
2. การโอนกรรมสิทธิ์แบบโอนลอย คือ การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่ผู้ขายอาจไม่สะดวกเดินทางไปโอนที่กรมการขนส่งทางบก แต่ได้ดำเนินการทำเอกสารโอนไว้เรียบร้อยโดยยังไม่ได้ใส่ชื่อผู้รับโอน ข้อดีของวิธีนี้คือผู้ขายได้รับเงินทันทีที่ทำเอกสารการโอนลอยเสร็จ แต่ข้อจำกัดคือหากผู้ซื้อยังไม่ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ให้เรียบร้อย แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันต่าง ๆ เช่น เกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน ไม่ต่อภาษี หรือนำรถไปทำสิ่งผิดกฎหมาย กรณีเหล่านี้ผู้ขายที่มีชื่อเป็นเจ้าของรถจะเป็นผู้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
3. การโอนกรรมสิทธิ์เป็นมรดกตกทอด คือ การโอนรถในกรณีที่เจ้าของรถเสียชีวิต ต้องมีการใช้เอกสารเพิ่มเติมแตกต่างจากการโอนรถปกติ และต้องมีผู้จัดการมรดกเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ แทนผู้เสียชีวิต ทั้งนี้หากไม่มีผู้จัดการมรดกแม้จะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายก็ไม่มีสิทธิ์โอนกรรมสิทธิ์รถได้เช่นกัน
แม้ว่าการโอนลอยจะมีความสะดวกสบายและได้รับเงินเร็วกว่า แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงหากผู้ซื้อหรือผู้รับรถไม่ดำเนินการต่อให้จบกระบวนการ ดังนั้นหากต้องการลดความเสี่ยงและเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์แบบโอนตรงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่หากมั่นใจว่าผู้ซื้อรถจะดำเนินการต่อจนจบกระบวนการ การโอนลอยก็ช่วยเพิ่มความสะดวกได้เช่นกัน
เอกสารการโอนรถแต่ละแบบ ต้องเตรียมอะไรบ้าง
การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เกิดขึ้นได้จากหลายกรณี ทั้งการโอนรถเพื่อซื้อขายรถมือสอง โอนรถให้ลูก หรือโอนรถให้ญาติ ไม่ว่าจะกรณีไหนเจ้าของรถสามารถเลือกได้เลยว่าต้องการโอนรถแบบโอนตรง โอนลอย หรือโอนเป็นมรดกตกทอด (เจ้าของรถคนเก่าเสียชีวิต) ในส่วนของเอกสารที่ใช้สำหรับการโอนในรูปแบบต่าง ๆ มีดังนี้
เอกสารโอนรถตรง (กับขนส่งทางบก)
- ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือสมุดจดทะเบียนรถยนต์ตัวจริง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนทั้งของเจ้าของคนเก่าและคนใหม่
- สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- แบบคำขอการโอนและรับโอนจากกรมการขนส่งทางบก โดยต้องมีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน
เอกสารโอนรถลอย
- ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือสมุดจดทะเบียนรถยนต์ตัวจริง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนทั้งของเจ้าของคนเก่าและคนใหม่
- สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
- แบบคำขอการโอนและรับโอน โดยต้องมีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน
- หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบ
เอกสารโอนรถ กรณีเป็นมรดกตกทอด (เจ้าของรถเสียชีวิต)
- ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือสมุดจดทะเบียนรถยนต์ตัวจริง
- หลักฐานการได้มาของรถ เช่น สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี
- แบบคำขอการโอนและรับโอน โดยต้องมีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน
- สำเนาใบมรณะบัตรเจ้าของรถและคำสั่งศาลหรือพินัยกรรมพร้อมสำเนา
- หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ
เอกสารโอนรถข้ามจังหวัด (กรณีที่ผู้ขายกับผู้รับรถอยู่คนละจังหวัดกัน)
- สำเนาทะเบียนเล่มรถยนต์
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้โอนและผู้รับโอน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้โอนและผู้รับโอน
- แบบคำขอการโอนและรับโอน โดยต้องมีลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน
- หนังสือมอบอำนาจ
โอนรถยนต์ราคากี่บาท ใช้เวลานานไหมกว่าจะได้เล่ม
การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หากเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไปพร้อมแล้ว ใช้เวลาดำเนินการเพียง 2-3 ชั่วโมง และรอเวลาได้เล่มนานสุด 15 วันทำการ ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นการโอนรถภายในจังหวัดเดียวกันหรือโอนรถข้ามจังหวัด ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโอนรถยนต์เท่ากัน โดยสามารถแจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายได้ ดังนี้
- ค่าคำขอการโอนรถ 5 บาท
- ค่าธรรมเนียมในการโอนรถยนต์ 100 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ 500 บาท ต่อการประเมินราคารถยนต์ 100,000 บาท
- ในกรณีที่ทะเบียนเล่มรถยนต์ชำรุด มีค่าเปลี่ยนทะเบียนเล่มรถยนต์ 100 บาท
- ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ ค่าบริการ 200 บาท
หมายเหตุ : หากเป็นการโอนลอยหรือโอนรถให้บุคคลใกล้ชิด เช่น สามีให้ภรรยา บิดาให้ลูก มารดาให้ลูก หรือโอนเป็นมรดกตกทอดจะไม่เสียค่าธรรมเนียมอากรแสตมป์
นอกจากการเอกสารโอนรถที่ต้องเตรียมให้พร้อมแล้ว การตรวจเช็กสภาพรถให้อยู่ในสถานะที่สมบูรณ์พร้อมขับขี่เป็นอีกสิ่งสำคัญ เพราะก่อนยื่นเรื่องโอนรถยนต์กับนายทะเบียนต้องมีการกรอกแบบฟอร์มการโอนรถให้เรียบร้อย หรือหากต้องการนำรถไปตรวจสภาพรถภายหลังก็ต้องดำเนินการแจ้งเรื่องกับนายทะเบียนภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่เริ่มเซ็นเอกสารการโอน ซึ่งการเช็กสภาพรถไม่เพียงแต่ช่วยให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ซื้อรถสามารถนำรถคันดังกล่าวไปใช้งานได้อย่างราบรื่นไร้กังวล โดยเฉพาะยางรถยนต์ต้องเลือกใช้ยางคุณภาพดี ได้มาตรฐาน มาพร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานมีความปลอดภัยมากที่สุด แนะนำยางรถยนต์ Pirelli ยางรถระดับพรีเมียม ที่มีให้เลือกเป็นเจ้าของครบตามความต้องการ ที่สำคัญตอนนี้ยังมาพร้อมการรับประกันยางนานถึง 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร หากเกิดปัญหายางบาด บวม และแตกจากอุบัติเหตุต่าง ๆ แจ้งเคลมไว รับยางเส้นใหม่ไปใช้งานทันที สิทธิพิเศษแบบนี้สำหรับการซื้อยางรถยนต์ Pirelli by ATV เท่านั้น หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์เพิ่มเติมได้ที่อินบอกซ์เฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires