แฮตช์แบ็กไฟฟ้าขนาดเล็ก เปิดวางจำหน่ายในไทยแล้ว
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นยานพาหนะที่มาแรง นอกจากช่วยเซฟค่าน้ำมัน ด้วยรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในก็ดึงดูดใจผู้ใช้รถที่วางแผนซื้อรถคันแรกหรือมองหารถคันใหม่มากทีเดียว และถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ชื่นชอบ BYD รถไฟฟ้า EV แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากจีน ที่ทยอยส่งรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin 2023 มาวางจำหน่ายในประเทศไทย โดย BYD Dolphin เปิดตัว มาพร้อมรุ่นย่อยทั้งหมด2 รุ่น คือ Standard Range และ Extended Range บทความได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของ รถไฟฟ้า BYD Dolphin 2023 ที่เข้าไทย พร้อมราคาและข้อมูลแต่ละรุ่นทั้งหมดให้เพื่อน ๆ ไว้ที่นี่
ทำความรู้จัก BYD Dolphin 2023 ก่อนตัดสินใจ
BYD Dolphin 2023 (บีวายดี ดอลฟิน 2023) เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุดจากแบรนด์ BYD ที่มีการพัฒนาโครงตัวรถแบบ e-Platform 3.0 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดสำหรับรถไฟฟ้าของ BYD จนได้รถไฟฟ้าขนาดกระทัดรัด ตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง สำหรับขับในเมือง ระยะทางวิ่งสูงสุด 490 กิโลเมตร (NEDC) มาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติลดความผิดพลาดของผู้ใช้งาน และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนแบบรถยุคใหม่ นอกจากมี 2 รุ่นย่อย ยังมีโทนสีที่น่าสนใจตามรุ่นย่อย นั่นคือ รุ่น Standard Range มีให้เลือก 4 สี และรุ่น Extended Range สีทูโทน 4 สี
BYD Dolphin สเปค รถไฟฟ้า 100%
ดีไซน์ภายนอก
ดีไซน์ภายนอก BYD Dolphin 2023 เป็นทรงโมโนฟอร์มที่สามารถใช้ประโยชน์จากการไม่มีเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ เห็นจากการขยับห้องโดยสารมาด้านหน้ามากเป็นพิเศษ ขณะที่ด้านหน้าคาดแถบสีดำแต่ใส่แพตเทิร์นลาย Pinstripe มาเป็นแนวเดียวกับไฟหน้าแบบ LED ทำให้ดูกลมกลืนเป็นชุดเดียวกัน นอกจากนี้แบรนด์ BYD ยังเพิ่มฟังก์ชันหน่วงเวลาการปิดไฟหน้า มีไฟวิ่งกลางวันและไฟท้ายคาดยาวแบบ LED กระจกมองข้างปรับ-พับเก็บด้วยไฟฟ้า
ส่วนแนวหลังคาเป็นแบบลอยตัวจากการใช้เสา C สีดำพิมพ์ลาย Pinstripe แทนกระจก ด้านข้างตัวรถใช้เส้น Z-Shaped ลดความโล่งตา และหลังคาติดตั้งมูนรูฟแบบ Panoramic สำหรับล้ออัลลอยลายแอโร่ลดการต้านลม รุ่น Standard Range ให้มาเป็นขนาด 16 นิ้ว ยาง 195/60 R16 และรุ่น Extended Range มีขนาด 17 นิ้ว ยาง 205/50 R17 นอกจากนี้ สีตัวถังของรุ่น Standard Range จะเป็นสีโมโนโทน แต่รุ่น Extended Range ได้เป็นสีทูโทน
ดีไซน์ภายใน
ภายในห้องโดยสาร BYD Dolphin 2023 ถูกตกแต่งด้วยสีทูโทน ขณะที่แผงคอนโซลหน้ามีการเป็นหลายเลเยอร์ โดยส่วนบนเป็นสีดำวางช่องแอร์กลางทรงกลม ถัดลงมาคาดแถบพลาสติกสีเงินที่ฝังช่องแอร์ทรงอวกาศอยู่ตรงมุมทั้ง 2 ด้าน พร้อมกรองอากาศ PM 2.5 ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสปอร์ต 3 ก้าน ตรงกลางแผงคอนโซลหน้าเรือนไมล์ดิจิทัลขนาด 5 นิ้ว แสดงข้อมูลขับขี่เฉพาะที่จำเป็นสำหรับคนขับ ขณะที่คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ปรับหมุนได้ รองรับ Apple CarPlay และการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย รวมถึงมีฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาไทย มีช่องจ่ายไฟ 12V ช่อง USB 2 ตำแหน่งด้านหน้า และ 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ทั้งนี้ในรุ่น Standard Range เป็นเบาะนั่งสีทูโทนหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งคู่หน้าฝั่งคนขับปรับด้วยมือ ส่วนรุ่น Extended Range เป็นบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับ 6 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสาร 4 ทิศทาง
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
แม้ BYD Dolphin 2023 ทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ที่เพลาหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า แต่มีความแตกต่างเรื่องสมรรถนะ ดังนี้
- รุ่น Standard Range
ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดความจุ 44.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 12.3 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุด 410 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- รุ่น Extended Range
ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดความจุ 60.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 7 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุด 490 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย
BYD Dolphin 2023 มาพร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนการชนด้านหน้าและระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนการจราจรขณะถอยพร้อมช่วยเบรกเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบเตือนแรงดันลมยาง กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา รวมถึงจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เป็นต้น
BYD Dolphin สีอะไรบ้าง
ตามที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นว่า BYD Dolphin 2023 ทั้ง 2 รุ่น จะมีให้เลือกทั้งหมด 8 สี โดยแบ่งได้ดังนี้
รุ่น Standard Range (สีโมโนโทน)
- สีม่วง Flora Purple
- สีน้ำตาล ครีม Coastal Cream
- สีเทา Atlantis Grey
- สีชมพู Coral Pink
รุ่น Extended Range (สีทูโทน)
- สีม่วง Flora Purple / สีดำ Pebble Black
- สีขาว Surge White / สีเทา Atlantis Grey
- สีชมพู Coral Pink / สีเทา Atlantis Grey
- สีฟ้า Atoll Blue / สีเทา Atlantis Grey
BYD Dolphin ราคาในไทย
สำหรับราคา BYD Dolphin 2023 ที่วางจำหน่ายในไทยทั้ง 2 รุ่นย่อย มีรายละเอียดดังนี้
- BYD Dolphin 2023 รุ่น Standard Range ราคา 699,999 บาท
- BYD Dolphin 2023 รุ่น Extended Range ราคา 859,999 บาท
มาถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่า BYD Dolphin 2023 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกรุ่นที่มาแรงในไทย ด้วยมีพละกำลังของมอเตอร์ขับเคลื่อน วิ่งได้ไกลสุด 490 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และเพื่อสนับสนุนสมรรถนะการขับขี่การเลือกใช้ยางรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาสำหรับรถ EV โดยเฉพาะ นอกจากมีความทนทานต่อน้ำหนักของตัวรถที่จะมีความหนักมากกว่ารถยนต์ทั่วไป ยังประหยัดพลังงานมากกว่ายางรถทั่วไป เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีแรงต้านทานการหมุนน้อยกว่านั่นเอง
สำหรับที่สนใจรถ EV แล้วไม่รู้ว่าควรซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ขอแนะนำ BYD Dolphin 2023 แฮตช์แบ็กไฟฟ้าขนาดเล็ก 5 ที่นั่ง ที่มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 699,999 บาท แต่ถ้าสนใจเปลี่ยนยางรถยนต์ 4 ล้อ ราคาเป็นมิตร คุณภาพเกินคุ้ม แบรนด์ Pirelli ยางสัญชาติอิตาลีที่มีประสบการณ์การผลิตยางให้แบรนด์รถยนต์ชั้นนำมากว่า 151 ปี ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะยาง Pirelli P Zero E ถูกออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ ด้วยการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีล่าสุดเข้าไว้ในยางเส้นนี้ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนแบบใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและยั่งยืน
ทั้งนี้ผู้สนใจยางรถไฟฟ้าแบรนด์พิเรลลี่สามารถขอรับคำปรึกษาสอบถามเรื่องการซื้อได้ที่ Pirelli Tyres Thailand ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยาง Pirelli ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีรุ่นยางครอบคลุมที่สุดในประเทศไทย มียางจำหน่ายหลายรุ่น หลายขนาด นอกจากสั่งซื้อได้ทางร้านค้าออนไลน์ของ Shopee และ Lazada ยังมีร้านยางตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ