บีเอ็มดับเบิลยู ยานยนต์สุดหรูที่หลายคนใฝ่ฝันถึง
BMW เป็นหนึ่งในแบรนด์รถหรูที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ต่างให้ความสนใจ ด้วยมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสวยงาม รวมถึงมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเติมเต็มสมรรถนะในการขับขี่ ทำให้สามารถตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ แต่รู้ไหมว่ากว่ารถยนต์ BMW จะกลายเป็นยนตรกรรมชั้นนำในวงการและมีชื่อเสียงในระดับโลกต้องผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง บทความนี้ขอพาทุกคนย้อนไปดูความเป็นมาของ BMW กันว่า BMW มาจากประเทศอะไร หรือ BMW ย่อมาจากอะไร รวมถึงแนะนำรถยนต์ BMW รุ่นที่น่าสนใจ
ทำความรู้จัก BMW ยนตรกรรมแห่งประวัติศาสตร์
ก่อนจะมาเป็น BMW บริษัทผลิตยานยนต์ของประเทศเยอรมนีที่โด่งดังเช่นทุกวันนี้ ในอดีตแบรนด์ BMW ไม่ได้เริ่มมาจากการผลิตรถยนต์ แต่เป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรบของประเทศเยอรมนี มีชื่อว่า บริษัท Rapp Motorenwerke ก่อตั้งเมื่อ ปี 1913 โดย Karl Friedrich Rapp แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ปรากฏว่าประเทศเยอรมนีเป็นฝ่ายแพ้ ทำให้การผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในเยอรมนี จากผลของสนธิสัญญาแวร์ซาย (Treaty of Versailles) จึงต้องเปลี่ยนมาผลิตเครื่องมือทำฟาร์ม และเบรกรถไฟ เพื่อให้กิจการอยู่รอด ในระหว่างนั้น Max Friz หัวหน้านักออกแบบของ BMW ได้วางแผนออกแบบรถมอเตอร์ไซค์ไปด้วย และการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็เกิดขึ้นในปี 1922 เมื่อ Camillo Castiglioni ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท Bayerische Flugzeugwerke หรือ BFW เข้ามาซื้อกิจการด้านเครื่องยนต์เครื่องบินของ BMW ไป BFW ย้ายสินทรัพย์ทั้งหมดของ BMW ทั้งคนงานและเครื่องมือการผลิต มาที่ศูนย์การผลิตของตัวเอง และได้เปลี่ยนชื่อจาก BFW มาเป็น BMW แทน โดยชื่อเต็ม BMW คือ Bayerische Motoren Werke และโลโก้ BMW มีจุดเด่น คือ ขอบสีดำวงกลมข้างนอกที่เปลี่ยนเป็นสีใส มีความแบนของโลโก้ต่างจากโลโก้เดิมที่มีความนูนอย่างเห็นได้ชัด

รถยนต์คันแรกของแบรนด์ BMW มีชื่อว่า BMW 3/15 PS หรือ BMW Dixi ถือเป็นรถยนต์คันแรกจาก BMW เปิดตัวในปี 1929 และถือเป็นครั้งแรกที่โลกได้รู้จักกับ BMW ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์เต็มตัว โดย BMW Dixi เป็นรถที่มีขนาดเล็ก มีจุดเด่นในเรื่องน้ำหนักที่เบา ส่งผลให้ตัวรถมีลักษณะที่กะทัดรัด คล่องแคล่ว ผสมผสานกับเครื่องยนต์ 4 สูบ ที่ให้พละกำลัง 15 แรงม้าซึ่งถือว่าแรงที่สุดในยุคนั้น หลังเปิดตัวรถยนต์คันแรกของแบรนด์ในปี 1999 ทาง BMW ได้เปิดตัวรถยนต์ SUV คันแรกของพวกเขาภายใต้ชื่อ BMW X5 จากนั้นทาง BMW ก็มีการพัฒนาและผลิตรถยนต์จากค่ายของตนออกสู่ท้องตลาดรถเรื่อย ๆ จนมาถึงปัจจุบัน
การตั้งชื่อซีรีส์รถยนต์ BMW
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์แบรนด์หรูอย่าง Mercedes-Benz, MINI และ Audi น่าจะสังเกตเห็นว่าแต่ละแบรนด์มีวิธีการตั้งชื่อซีรีส์รถยนต์ที่บ่งบอกความเป็นตัวเองอย่างชัดเจน และแบรนด์ BMW ใช้ตัวเลขและตัวอักษรเป็นตัวบ่งบอกว่าถึงซีรีส์ของรถ และขนาดเครื่องยนต์ไว้บริเวณด้านขวาของฝากระโปรงท้าย โดยมีรายละเอียดดังนี้
- เลขซีรีส์ที่เป็นเลขคู่ หมายถึงรถคูเป้ แต่บางรุ่นจะเป็นรถซีดาน 4 ประตู เช่น BMW 2 Series แต่รูปทรงก็ยังเป็นรถคูเป้ซีดานหลังคาลาด จุดเด่นคือประตูไร้กรอบกระจกที่มีเฉพาะรถคูเป้เท่านั้น
- เลขซีรีส์ที่เป็นเลขคี่ เป็นซีรีส์รถยนต์ที่มีงานออกแบบ Body-style แตกต่างออกไปจากซีรีส์ก่อน ๆ
- ตัวอักษรซีรีส์ X หมายถึงรถยนต์ SUV
- ตัวอักษรซีรีส์ Z หมายถึงรถยนต์ Roadsters (รถเปิดประทุนสองที่นั่ง)
- ตัวอักษรซีรีส์ M คือรถยนต์ Series ต่าง ๆ ของ BMW แต่ได้รับการปรับจูนสมรรถนะให้สูงขึ้น High Performance เช่น X3 เป็น X3 M, 4 Series เป็น M4
- ตัวอักษรซีรีส์ i หมายถึงรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริดแต่ถ้าอยู่หลังตัวเลข เช่น 330i จะหมายเครื่องยนต์เบนซิน
- ตัวอักษรซีรีส์ sDrive หมายถึงรถยนต์ขับเคลื่อนสองล้อ
- ตัวอักษรซีรีส์ xDrive หมายถึงรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ
BMW รุ่นไหนดี ดีไซน์หรูหรา ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
BMW รุ่น Z4 sDrive30i

สำหรับใครที่รถยนต์ BMW เปิดประทุน 2 ที่นั่ง มีดีไซน์สปอร์ต เครื่องยนต์สมรรถนะสูง ขอแนะนำ BMW Z4 sDrive30i รถสปอร์ตที่ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจคนชอบความเร็ว ด้วยใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 4 สูบแถวเรียง ให้กำลัง 258 แรงม้า มาพร้อมกับเทคโนโลยี Adptive M ที่คอยปรับช่วงล่างให้เข้ากับสภาพถนน ทำให้ทุกการเดินทางของคุณเป็นไปอย่างลื่นไหล ทั้งยังมีการเสริมฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบปลดล็อกประตูและกุญแจอัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อปลดล็อกประตูรถยนต์ได้ หรือระบบ Active Cruise Control ที่ช่วยคำนวณระยะปลอดภัยระหว่างรถของคุณกับรถคันหน้า
BMW รุ่น X6 xDrive40i M Sport

หากคุณกำลังมองหารถหรูไว้ใช้งานในครอบครัว ขอบอกว่า BMW รุ่น X6 xDrive40i M Sport เป็นรถบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ X อีกรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยมีการออกแบบทั้งภายในและภายนอกให้ดูทันสมัยเข้ากับทุกเพศทุกวัน ประกอบกับแบรนด์ BMW ใส่ทั้งเทคโนโลยีและลูกเล่นต่าง ๆ เข้ามา ทำให้ BMW รุ่น X6 xDrive40i M Sport มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นหลังคากระจก Panorama ที่จะช่วยรับแสงจากด้านบน การตกแต่งด้วย Ambient Light ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารดูอบอุ่น ผ่อนคลายกว่าเดิม ขณะเดียวกันยังมีเทคโนโลยี Adptive M มาคอยช่วยปรับช่วงล่างให้เข้ากับสภาพถนนแต่ละแบบ รวมทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่จะกระจายกำลังเพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างลื่นไหล
BMW รุ่น 5 Series 520d M Sport

มาต่อกันที่ BMW 5 Series 520d M Sport รถยนต์ที่ถูกออกแบบทั้งภายนอกและภายในให้ดูสปอร์ตและหรูหรา แต่ยังคงสมรรถนะการใช้งานที่เหมาะกับใช้ในเมืองและเดินทางต่างจังหวัด เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเครื่องดีเซลแบบ TwinPower Turbo ขนาด 4 สูบ ที่มีกำลังแรงแต่ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน ถือเป็นรถ BMW ที่ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหารถประหยัดน้ำมัน ส่วนเทคโนโลยีภายในก็น่าสนใจไม่แพ้ BMW รุ่นอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Adaptive M ที่จะช่วยปรับช่วงล่างของรถให้เหมาะกับสภาพถนนแต่ละประเภท อีกทั้งยังมีระบบการสั่งงานด้วยเสียง เพื่อมอบความสะดวกสบายแด่ผู้ขับขี่นั่นเอง
BMW รุ่น X5 xDrive30d M Sport

ขอปิดท้ายด้วย BMW รุ่น X5 xDrive30d M Sport รถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัยให้กับทั้งผู้ขับและผู้โดยสารตลอดการเดินทาง โดยทางแบรนด์ BMW ได้ใส่ระบบ Parking Assistant และระบบ Reversing Assistant เข้ามาช่วยเหลือผู้ขับขี่ในขณะถอยรถออกจากที่แคบแบบอัตโนมัติ ทำให้มั่นใจได้ว่าถึงจะหลงเข้าซอยแคบก็สามารถถอยหลังออกมาได้โดยปราศจากรอยขีดข่วน ที่สำคัญ BMW รุ่น X5 xDrive30d M Sport เป็นรถยนต์แบบ Hybrid ที่สามารถเป็นได้ทั้งรถเครื่องยนต์ดีเซลและรถไฟฟ้าเพียงแค่มีระบบที่ชาร์ตไฟแบบ Plug-in System ซึ่งการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง วิ่งได้ 88 กิโลเมตร เหมาะกับคนที่กำลังมองหารถยนต์ระบบ Hybrid มาก นอกจากนี้ BMW ยังมีรถไฟฟ้าคันเล็กเป็นทางเลือกให้กับคนที่สนใจอีกด้วย
มาถึงตรงนี้เห็นได้ว่า ค่าย BMW มีรถยนต์หลากหลายซีรีส์ที่น่าจับจองเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ระบบไฮบริด หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่ถ้าถามว่า ผู้หญิงขับ BMW รุ่นไหนดี ? คำตอบคือ ได้ทุกรุ่น ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน และสุดท้ายไม่ว่าจะเลือก BMW รุ่นไหน คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้มากขึ้น ด้วยการเลือกใช้ยาง Pirelli ยางคุณภาพดีเหมาะกับรถหลายประเภท นอกจากร่องดอกยางที่มีเอกลักษณ์พิเศษ เพิ่มประสิทธิภาพในการรีดระบายน้ำและความสวยงามให้กับยางรถยนต์ ยังมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจอย่าง Seal Inside ที่ช่วยปะยางตนเองเวลาถูกของแหลมทิ่มตำ เนื่องจากภายในยางมีเจลซิลิโคนที่จะอุดรูรั่วของยางรถยนต์เมื่อมีรอยแผลขนาดเล็กเกิดขึ้น ทำให้สามารถขับรถไปจุดหมายปลายทางได้โดยไม่ต้องจอดเปลี่ยนยางเส้นใหม่ สำหรับใครสนใจยางพิเรลลี่สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก Pirelli Thailand ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยที่พร้อมให้คำปรึกษากับผู้ใช้รถทุกค่าย เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ยาง Pirelli ที่ตอบโจทย์การใช้งาน