รถระบบขับเคลื่อน 4×4 ดีมีแค่ไหน ควรรู้ก่อนซื้อ
ปัจจุบันยานพาหนะที่ใช้งานกันอยู่บนท้องถนนไม่ได้มีแค่การการแบ่งประเภทตามจำนวนที่นั่งหรือตำแหน่งการวางเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังมีเลือกของระบบขับเคลื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างรถ 4×4 ลุยป่าก็ถือเป็นระบบขับเคลื่อนอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความโดดเด่นเรื่องสมรรถนะการขับขี่ และเพื่อให้เลือกใช้ยางออฟโรดได้ตรงกับลักษณะรถ บทความนี้ขอพาไปทำความรู้จักรถ 4×4 ว่ามีระบบขับเคลื่อนกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร
รถ 4×4 คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยม
รถ 4×4 หรือรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นระบบขับเคลื่อนของรถยนต์สองเพลาที่สามารถให้แรงบิดกับล้อทุกล้อพร้อมกันได้ ทำให้รถ 4×4 มีสมรรถนะในการขับเคลื่อนบนพื้นผิวถนนขรุขระได้เป็นอย่างดี เพราะล้อทั้ง 4 จะช่วยกันสร้างแรงขับไปข้างหน้า หากล้อหน้าพบสิ่งกีดขวาง ล้อด้านหลังจะทำหน้าที่ช่วยผลักดันให้ล้อด้านหน้าข้ามสิ่งกีดขวางนั้นได้ ขณะเดียวกันถ้าล้อด้านหลังตกหลุมโคลน ล้อด้านหน้าจะช่วยดึงให้ล้อด้านหลังขึ้นจากหลุมดังกล่าว ด้วยเหตุนี้รถ 4×4 จึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสามารถใช้งานได้ทุกพื้นผิวถนนโดยเฉพาะเส้นทางที่เต็มไปด้วยลูกรัง ดินโคลน รวมถึงควบคุมรถได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีกว่ารถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ
สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ขับที่ต้องการการยึดเกาะถนนสูงสุดและศักยภาพการขับขี่บนทางออฟโรด สามารถแบ่งประเภทการทำงานได้ 3 แบบ คือ
(1) แบบพาร์ทไทม์ (Part Time)
เป็นระบบที่พบในระบะ PPV, SUV หรือรถที่เป็นรุ่นท็อป เพราะผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนระบบการขับเคลื่อน 2 ล้อ (4×2) เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อได้ (4×4) ตามสภาพถนน แต่มีข้อเสียคือเป็นการเพิ่มอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เนื่องจากต้องกระจายแรงส่งไปทั้ง 4 ล้อ ส่วนข้อดีก็คือผู้ขับขี่เลือกเปลี่ยนโหมดการใช้งานขณะขับขี่ได้ตามใจชอบ หากชื่นชอบการขับรถลุยป่านี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสภาพถนนออฟโรด
(2) แบบฟูลไทม์ (Full Time)
เป็นรถที่ 4WD มาแต่กำเนิดที่สมรรถนะการขับที่ดี แม้ไม่สามารถเปลี่ยนระบบส่งกำลังได้ ทั้งยังมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่สูง สำหรับผู้ขับขี่ที่อยากเพลิดเพลินไปกับสมรรถนะการควบคุมรถยนต์ที่ดีเยี่ยมในทุก ๆ สภาพถนน ควรเลือกรถ 4X4 ที่ใช้ระบบนี้
(3) แบบเรียลไทม์ (Real Time)
คือ ระบบการทำงาน 4 ล้อเมื่อต้องการ เพราะสามารถเปิด-ปิดระบบได้ อย่างกรณีที่รถขับเคลื่อน 2 ล้อเป็นหลัก แล้วต้องการขับลุยป่าหรือล้อหมุนฟรีผิดปรกติ ก็สามารถเปิดโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งช่วยให้มีการถ่ายแรงบิดไปอีกชุดล้อ ทำให้รถสามารถเคลื่อนตัวผ่านอุปสรรคดังกล่าวมาได้
มาถึงตรงนี้คงทราบกันแล้วว่า รถ 4×4 ไม่ว่าจะเป็นรถลุยป่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ซึ่งต้องการความสมบุกสมบันเน้นการใช้งานแบบเต็มกำลังมีระบบขับเคลื่อนแบบใด แต่เชื่อว่าสายผจญภัยหลายคนยังไม่รู้ว่า เลือกใช้ยางออฟโรด Pirelli แบบไหนดี ? ขับลุยได้ทุกเส้นทาง บทความนี้ขอแนะนำ Pirelli Scorpion All Terrain Plus ที่เพิ่งเปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2566 ส่วนยาง Pirelli รุ่นนี้มีคุณสมบัติโดดเด่นขนาดไหน มาดูกัน
Pirelli Scorpion All Terrain Plus
เป็นยางออฟโรดที่ตอบโจทย์ทุกสภาพถนนของรถ 4×4 ลุยป่า และรถกระบะได้เป็นอย่างดี ด้วยมีฟังก์ชันพิเศษภายในร่องยาง ช่วยป้องกันเศษหินและดินโคลนเกาะติด ขับขี่ได้เต็มที่ตลอดทาง ทำให้ยาง Pirelli Scorpion All Terrain Plus มีความโดดเด่นที่คนรักการผจญภัยไม่ควรมองข้าม ดังนี้
- เพิ่มการยึดเกาะบนถนนลื่น มีฐานดอกยางทรงบล็อก
- ปุ่มดอกยาง เพิ่มความทนทานในการใช้งาน
- แก้มยางสุดแกร่งและทรงพลังมากขึ้น หมดกังวลเรื่องแก้มยางถูกบาดจากวัตถุมีคม
- เสียงรบกวนต่ำ ขับขี่ได้อย่างสบายใจ
สำหรับใครที่วางแผนเปลี่ยนมาใช้ยาง Pirelli รุ่นนี้ แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกันทั้ง 4 เส้น จะได้ Pirelli Scorpion All Terrain Plus ราคาที่ประหยัดกว่าการเปลี่ยนทีละ 2 เส้น ที่สำคัญมีขนาดยางรถยนต์ตั้งแต่ขนาด 16 – 20 นิ้ว และเมื่อซื้อยางผ่าน Pirelli by ATV ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์พิเรลลี่ ยังได้รับประกันยางรถยนต์ฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร ในกรณียางบาด ยางบวม และยางแตก ผู้สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires