Pirelli Thailand by ATV เช็คราคายานยนต์ ออนไลน์

สำหรับคนใช้รถบางคนอาจจะไม่คุ้นกับคำว่า “ยางกินใน” กันนัก แต่ให้รู้ไว้เลยว่ายางกินในคืออีกอาการผิดปกติของยางรถยนต์ ปัญหานี้คืออะไร อาการของยางกินในคืออะไร มีผลกับการขับขี่รถยนต์อย่างไร และเกิดขึ้นแล้วจะแก้ไขได้อย่างไรบ้าง อีกความรู้เรื่องยางรถที่คนมีรถยนต์ต้องรู้!

ยางกินใน คืออะไร

ยางกินในคือปัญหายางรถยนต์ที่สึกหรอบริเวณไหล่ยาง จะมีลักษณะดอกยางรอบวงใหญ่เลือนหายไป เกิดจากการทำงานของเครื่องยนต์ด้านล่างไม่ปกติ ส่งผลให้การขับเคลื่อนไม่สมดุลและยางมีอายุการใช้งานสั้นกว่าปกติ ไม่สามารถปล่อยไว้นานๆ ได้ เพราะอันตรายต่อการขับขี่อย่างมาก

สาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้รถกินยางด้านใน 

ปัจจัยทำให้เกิดอาการถางกินใน เกิดจากการทำงานของช่วงล่างของรถทำงานผิดปกติ และพฤติกรรมการขับรถที่ไม่ถูกต้อง คือ

1. ตั้งศูนย์ถ่วงล้อไม่ตรง

การตั้งศูนย์ถ่วงล้อคือการปรับองศาของพวงมาลัยและอุปกรณ์ช่วงล่างของรถให้ตรงกัน ทำให้การเคลื่อนที่ของรถเป็นไปได้อย่างสมดุล ถ้าเกิดการตั้งศูนย์ล้อไม่ถูกต้องก็จะส่งผลให้ยางเสื่อมหรือเกิดอาการยางกินในได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่อาการถางกินในเท่านั้น

2. ชอบสาดโค้งเป็นประจำ

การขับขี่ที่ไม่ถูกต้องก็เป็นอีกสาเหตุของการเกินยางกินใน ไม่เพียงการสาดโค้งเท่านั้นแต่การขับรถผาดโผน ดริฟต์รถก็เป็นอีกสาเหตุของอาการถางกินในเช่นกัน

สาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้รถกินยางด้านใน

3 มุมล้อสำคัญที่ต้องรู้ในการแก้ปัญหายางกินใน

การตั้งศูนย์ถ่วงล้อมีอยู่ 3 มุมด้วยกัน คือ

มุมแคมเบอร์

มุมเอียงตามล้อแนวดิ่ง มีหน้าที่สำคัญในการยึดเกาะถนนเมื่อเข้าโค้ง ถ้ามีมุมแคมเปอร์มากเกินไปจะทำให้เกิดปัญหายางกินในได้ง่ายขึ้น และยังส่งผลต่อการควบคุมรถในทางตรงให้ลำบากขึ้นอีกด้วย 

มุมโท

มุมนี้คือทำให้รถวิ่งตรงและนิ่ง หากล้อขนานกับตัวรถจะมีค่าเป็น 0 ถ้าล้อด้านหน้าหุบเข้าเรียกว่า Toe-In มีค่าเป็นลบ แต่ถ้าถ่างออกเรียกว่า Toe-Out มีค่าเป็นบวก สำหรับการขับขี่จะตั้งค่ามุมโทให้เป็น Toe-in เล็กน้อย ให้ล้อหน้าเกาะถนนและวิ่งได้ตรงแนว

มุมแคสเตอร์ 

มุมนี้คือมุมในการวางตำแหน่งล้อ ช่วยคุมพวงมาลัยในเข้าโค้งอย่างสมดุล ถ้ามุมแคสเตอร์เป็นบวกจะทำให้แกนพวงมาลัยเอียงไปด้านคนขับ ถ้าเป็นลบ แกนพวงมาลัยจะเอียงไปทางด้านหน้ารถ แต่ปกติแล้วมุมแคสเตอร์จะปรับไม่ได้

อาการยางกินใน แก้ยังไงได้บ้าง  

นอกจากปรับมุมล้อแล้ว ต้องหมั่นสลับยางเป็นประจำเพื่อให้ยางทุกเส้นสึกหรอได้เท่าๆ กัน ควรทำทุกๆ 10,000 กิโลเมตร และต้องหมั่นตรวจศูนย์ถ่วงล้อให้อยู่ในค่าที่สมดุลด้วย เพื่อปรับกลไกการทำงานของช่วงล่างของรถให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ

ยางกินใน อันตรายไหมในการขับขี่ 

เช่นเดียวกับอาการเสื่อมของยางรูปแบบอื่นๆ ยางกินในมีผลต่อการเกาะถนน เมื่อมีปัญหานี้เกิดขึ้นก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการขับขี่ให้เข้าใกล้อุบัติเหตุมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเกิดอาการนี้แนะนำให้หาทางแก้ไขอย่างเร็วที่สุด

สรุปเกี่ยวกับอาการยางกินใน

สรุปเกี่ยวกับอาการยางกินใน

ยางกินใน อีกปัญหาเกี่ยวกับยางที่คุณต้องรู้จัก สาเหตุหลักเกิดจากการทำงานของช่วงล่างของรถที่ทำงานไม่ปกติ เกิดจากการตั้งศูนย์ถ่วงล้อที่ไม่ถูกต้องหรือพฤติกรรมการขับขี่ที่ค่อนข้างอันตราย ดังนั้นหากไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอาการยางกินในควรต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้สมดุล ขับขี่รถอย่างมีสติไม่ผาดโผนจนเกินไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า