การสะสมรถเก่า รถคลาสสิก เปรียบเสมือนการได้เป็นเจ้าของงานศิลปะชิ้นเอก ที่ต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด คือการดูแลและบำรุงรักษาให้รถนั้นสามารถใช้งานให้ได้นานที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นนักสะสมรถคลาสสิกด้วยแล้วนั้น ถ้าละเลยส่วนใดส่วนหนึ่งไปอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของรถได้ และยิ่งหากรถจอดทิ้งไว้นาน โดยไม่ได้นำออกไปใช้ อาจทำให้คุณภาพของรถและแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ มีอายุการใช้งานที่สั้นลง เกิดปัญหาในการขับขี่ ไปจนถึงความยากต่อการซ่อมแซมและการดูแลในภายหลัง แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะรถเก่า อย่าง Porsche 911, Porsche Cayenne, Mercedes-Benz SL หรือรถรุ่นใหม่ ๆ เช่น Porsche Taycan, Mercedes-Benz EQS และอีกหลาย ๆ รุ่น ก็ควรเช็กสภาพรถ ดูแลแบตเตอรี่ และล้างรถอย่างสม่ำเสมอ วันนี้เราเลยอยากพาทุกคนไปรู้จักกับ 10 วิธีการดูแลรถเก่า หรือรถคลาสสิก ให้สามารถอยู่เคียงคู่เราไปได้นานมากยิ่งขึ้น ทั้งยังนำปรับใช้ในการดูแลรถใหม่ แต่จอดทิ้งไว้นาน ๆ ได้ด้วย !!
1.ตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่
ควรตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่อยู่เสมอ เพราะหัวใจสำคัญของรถยนต์ทุกคัน ไม่ว่าจะรถใหม่ป้ายแดง หรือรถเก่าคลาสสิกก็คือ “แบตเตอรี่” นี่แหละ เพราะแบตเตอรี่ทำหน้าที่ในการเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ เพื่อจ่ายไฟให้กับระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย วิทยุ เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ หากแบตเตอรี่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แล้วล่ะก็ แม้แต่จะสตาร์ทรถให้ติดยังเป็นเรื่องยาก ดังนั้นแล้วการดูแลรถเก่า รถคลาสสิก ห้ามปล่อยผ่านเรื่องการดูแลแบตเตอรี่โดยเด็ดขาด ควรมีเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ เสียบชาร์จไว้อยู่เสมอ และต้องเป็นเครื่องชาร์จที่ได้มาตรฐาน มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเสียหายจากการ Overcharge ไม่ส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ของรถยนต์
2.เช็กของเหลวในเครื่องยนต์
นอกจากการตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรทำในข้อถัดมาคือการเช็กของเหลวในเครื่องยนต์ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก หรือปริมาณน้ำในหม้อน้ำ เพราะของเหลวมีความสำคัญในด้านของการใช้งานของรถยนต์ และถือเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถ ยิ่งถ้าเป็นรถเก่าด้วยแล้ว หากละเลยในส่วนนี้ไป อาจทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องในอนาคตได้
3.หมั่นเช็กลมยางเป็นประจำ
อีกวิธีในการยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ คือการหมั่นเช็กลมยางเป็นประจำ และคอยสังเกตว่ามียางรั่วซึมหรือไม่ โดยเฉพาะหากเป็นรถเก่าที่จอดไว้นาน ควรมีการเช็กลมยาง สภาพดอกยาง ลักษณะยาง รวมไปถึงบาดแผลบนยาง หรือเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน
4.สังเกตเสียงเครื่องยนต์
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรสังเกตอยู่เสมอคือ เสียงเครื่องยนต์ เพราะเครื่องยนต์ถือมีความสำคัญในด้านของการใช้งาน ช่วยให้เราตรวจสอบจุดที่ทำงานผิดปกติของรถยนต์ สามารถป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที โดยควรฟังเสียงเครื่องยนต์ ว่ามีเสียงที่ผิดปกติ หรือเสียงดังเวลาเบรกหรือไม่ หากได้ยินเสียงที่ผิดปกติ ควรรีบทำการตรวจเช็กและแก้ไขทันที
5.หลีกเลี่ยงการจอดรถยนต์ตากแดด
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถเก่าสามารถใช้งานได้นานขึ้น คือการดูแลทั้งภายในและภายนอก ส่วนสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามไป คือการจอดรถตากแดด เพราะแดดถือเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตัวรถโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น รถสีจางลง ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรือทำให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้น จึงควรเลี่ยงการนำรถยนต์ โดยเฉพาะรถเก่า รถคลาสสิก มาจอดตากแดด แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เวลาจอดก็ควรใช้ผ้าคลุมรถทุกครั้ง เพื่อป้องกันความเสียหายจากแสงแดดนั่นเอง
6.ล้างรถหรือเคลือบสีรถยนต์
การดูแลรถเก่า รถคลาสสิก ไม่ใช่แค่เรื่องของการจอดให้พ้นแดดเท่านั้น การล้างรถและเคลือบสีเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ เพราะการปล่อยให้สนิมและฝุ่นสะสมไม่เพียงแต่จะทำลายความสวยงามเท่านั้น แต่ยังลดอายุการใช้งานของตัวรถอีกด้วย แต่ทั้งนี้การล้างรถเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอ ควรทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน และรักษาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
7.เปลี่ยนหัวเทียนเมื่อครบอายุการใช้งาน
การบำรุงรักษาหัวเทียนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ โดยทั่วไปควรเปลี่ยนหัวเทียนทุก 50,000 – 100,000 กิโลเมตร หรือทุก 2 – 5 ปี ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งานและสภาพของรถ
สำหรับรถที่มีอายุการใช้งานมานาน ให้สังเกตอาการผิดปกติ เช่น การสตาร์ทติดยาก หรือการสั่นของเครื่องยนต์ขณะรถหยุดนิ่ง อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนหัวเทียนได้แล้ว หากละเลยการบำรุงรักษาชิ้นส่วนสำคัญนี้ อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงได้ ทั้งในด้านของสมรรถนะของรถ และความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่เองด้วย
8.เช็กระบบเกียร์รถยนต์
ระบบเกียร์เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อสมรรถนะและอายุการใช้งานของรถยนต์ เพราะระบบเกียร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อ ดังนั้นหากเกิดความผิดปกติใด ๆ ในระบบนี้ จะส่งผลกระทบต่อการขับขี่ได้ สำหรับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี ควรมีการตรวจสอบระบบเกียร์อย่างละเอียดและสม่ำเสมอ โดยสังเกตอาการผิดปกติ เช่น การเข้าเกียร์ติดขัด ไม่ราบรื่น เข้าเกียร์แล้วเสียงดังผิดปกติ หรือเกิดการรั่วซึมของน้ำมันเกียร์ เป็นต้น
9.ป้องกันสัตว์ทำรังในห้องเครื่อง
เนื่องจากรถคลาสสิกมักจอดนิ่งเป็นเวลานาน ทำให้สัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนู หรือสัตว์เลื้อยคลาน มักมากัดแทะ ทำรัง สร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า สายไฟ และชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ ในห้องเครื่อง ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดห้องเครื่องอย่างสม่ำเสมอ ใช้สารไล่สัตว์แบบธรรมชาติ เช่น พริกไทย หรือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมินต์ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์ไล่สัตว์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ช่วยให้เจ้าของรถไม่ต้องกังวลกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากสัตว์รบกวน
การดูแลรถเก่า รถคลาสสิก ควรตรวจเช็กแบตเตอรี่ ของเหลว ลมยาง ระบบเกียร์ สังเกตเสียงเครื่องยนต์ หลีกเลี่ยงการจอดตากแดด ต้องล้างรถ เปลี่ยนหัวเทียน เพื่อคงสภาพการใช้งาน และควรมี CTEK เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์แบรนด์สวีเดน ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ทั่วโลก โดยเฉพาะเจ้าของรถหรู Supercar เครื่องชาร์จตัดไฟได้เองอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม ป้องกันแบตเตอรี่ Overcharge สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ ปลอดภัยทั้งกับผู้ใช้ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในรถ เพียงเท่านี้รถเก่า รถคลาสสิกก็จะอยู่คู่คุณไปอีกนาน