ฟิล์มรถยนต์ อุปกรณ์สำคัญสำหรับการขับขี่
การติดตั้งฟิล์มรถยนต์คือสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้ขับรถในประเทศไทย เนื่องจากสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา บางพื้นที่ดัชนีความร้อนพุ่งกว่า 50 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มีผู้ป่วยฮีทสโตรกเสียชีวิต นอกจากนี้การขับรถยนต์โดยไม่ติดฟิล์มช่วยกรองแสงอาจเกิดอันตรายต่อผิวจาก ทั้งรังสีอัลตราไวโอเลตและรังสีอินฟราเรด โดยบทความนี้ขอชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีกี่ชนิด มีความเป็นมายาวนานเพียงใด
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร
เชื่อหรือไม่ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีกรองแสงมีก่อนรถยนต์คันแรก โดยกระจกสีที่เก่าแก่ที่สุดถูกค้นพบในวัฒนธรรมเมโสโปเตเมียและอียิปต์โบราณ นักวิจัยค้นพบว่ากระจกดังกล่าวมีอายุย้อนหลังไปถึงช่วง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ทั้งมีหลักฐานว่าช่วงราว ค.ศ. 100 ชาวโรมันได้เริ่มต้นใช้กระจกใสสำหรับหน้าต่าง ขณะที่ในยุคกลางในฝั่งตะวันออกกลางและยุโรป ได้เริ่มต้นใช้ผงออกไซด์ของโลหะลงในกระจกสีหน้าต่างของ โบสถ์ มัสยิด และพระราชวังด้วย
ขณะที่จุดเริ่มต้นของฟิล์มกรองแสงรถยนต์เกิดขึ้นระหว่างปี 1940 ถึง 1958 โดยเป็นนวัตกรรมจากโรงงานดัง EZ Eye ทั่วไปแล้วจะพบเห็นได้บนรถ ’40 Mercury Romango และ ’58 Chevy Impala
ทั้งนี้ในยุคดังกล่าวการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีให้บริการเพียงผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น ทำให้คนทั่วไปหามาใช้งานเพื่อป้องกันแสงได้ยาก กระทั่งสุดท้ายมีการทำฟิล์มกรองแสงชนิด DIY ขึ้นมา แต่ดูมืดทึบและมีรอยเปื้อน และมีแนวโน้มเกิดริ้วรอยได้ง่าย
กระทั่งปลายทศวรรษ 1960 ทางบริษัท 3M ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเรื่องเทปติดกระดาษ สามารถไขกุญแจในการผลิตสินค้าควบคุมแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพและราคาย่อมเยา ถัดมาในปี 1969 ได้มีการเปิดตัวฟิล์มนิรภัยแบบใส่ที่ออกแบบมาเพื่อยึดกระจกให้อยู่กับที่ โดยคุณสมบัตินี้ยังถูกนำมาเป็นมาตรฐานในปัจจุบันด้วย
ช่วงทศวรรษที่ 1970 ได้มีการพัฒนาฟิล์มกรองแสงที่ให้ความเข้มมากขึ้นสำหรับใช้งานตามสำนักงานและที่อยู่อาศัย ทำให้เจ้าของผู้ผลิตรถยนต์เกิดความสนใจการเคลือบแบบพิเศษ โดยเน้นความเป็นส่วนตัวด้วยการบังแสงสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น ซึ่งพบได้ในรถลีมูซีนทั่วโลก
อย่างไรก็ดี จากเรื่องดังกล่าวทำให้ช่วงปี 1980 ทางรัฐต่าง ๆ ได้เริ่มออกกฎหมายออกมาเกี่ยวกับฟิล์มรถยนต์ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องปรับตัวหาวิธีพัฒนาฟิล์มที่ป้องกันความร้อน แต่ไม่บดบังทัศนวิสัยของผู้ขับรถ กระทั่งถือกำเนิดฟิล์มแบบไฮบริดตามมานั่นเอง
รังสียูวีอันตรายอย่างไร เหตุใดต้องติดฟิล์มไว้ป้องกัน
รังสีอัลตราไวโอเลต หรือเรียกกันแบบง่าย ๆ ว่ารังสียูวี สามารถทำให้เซลล์เนื้อเยื่อผิวหนังของมนุษย์เกิดการเสื่อมสภาพได้ ส่งผลให้อาจเป็นได้ทั้งโรคมะเร็งผิวหนัง โรคฝ้า โรคต้อเนื้อ โรคลมแดด ส่งผลให้มีการเตือนควรหลบเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลานาน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ป้องกันอันตรายจากแสงแดด อาทิ ครีมกันแดด แว่นกันแดด ฟิล์มกรองแสง เป็นต้น
ฟิล์มกระจกรถยนต์ แบ่งออกได้กี่ประเภท
- Dyed Window Tint
เป็นฟิล์มประเภทธรรมดาทั่วไป ข้อดีที่สุดคือราคาประหยัด แต่ทั้งนี้ก็มีประสิทธิภาพการกรองแสงดวงอาทิตย์ได้ไม่มากมายนัก นอกจากนี้สียังสามารถซีดจางลงไปได้ตามกาลเวลา รวมไปถึงอ่อนไหวต่อการขีดข่วนอีกด้วย
- Metalized Window Tint
สำหรับฟิล์มประเภทนี้เรียกอีกอย่างว่า ฟิล์มปรอท มีประสิทธิภาพป้องกันแสงแดดได้มาก ทั้งยังมีความทนทานสูง ช่วยป้องกันไม่ให้หน้าต่างแตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้มากกว่าแบบ Dyed สีซีดจางลงยาก นั่นทำให้มีราคาที่สูงกว่า แต่อาจมีข้อเสียที่การรับสัญญาณ โดยอาจมีผลกระทบต่อทั้งสัญญาณวิทยุและ GPS
- Hybrid Window Tint
ไฮบริดฟิล์มเป็นประเภทการผสมผสานของ Metalized และ Dyed สามารถบดบังแสงแดด ความสว่าง และความร้อนที่มากเกินไป มีความทนทานเป็นพิเศษ แต่มีราคาแพง ทั้งยังอาจส่งผลกระทบต่อสัญญาณเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้
- Carbon Window Tint
แม้ราคาฟิล์มรถยนต์ประเภทนี้จะค่อนข้างสูง แต่กลับสามารถป้องกันความร้อนและรังสียูวีได้ดี ไม่ไวต่อการซีดจาง นับเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงเรื่องความร้อน แต่อาจหาซื้อได้ไม่ง่ายนัก
- Ceramic Window Tint
สำหรับฟิล์มลักษณะนี้นับเป็นฟิล์มระดับหัวแถว ทั้งในแง่ของความสวยงามและประสิทธิภาพ นอกจากไม่รบกวนสัญญาณ ยังสามารถป้องกันรังสียูวีได้มากถึง 99 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงป้องกันรอยขีดข่วนและความเสียหายได้มาก แน่นอนว่าคุณสมบัติพิเศษระดับนี้ย่อมมาพร้อมราคาที่สูงตามไปด้วย แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถทำให้สีเข้มกว่ารูปแบบอื่น ๆ อาจไม่ถูกใจมากพอสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความเป็นส่วนตัว
ฟิล์มติดรถยนต์ รู้จักค่าเปอร์เซ็นต์เพื่อความเข้าใจ
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีคุณสมบัติช่วยลดความร้อนและแสงสว่างที่มากเกินไป โดยค่าเปอร์เซ็นต์ที่มักถูกพูดถึง คือ ค่าที่แสงส่องผ่านเข้ามายังตัวฟิล์ม สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ หากเป็นตัวเลขที่ยิ่งมาก ค่าความเข้มยิ่งสูงขึ้นและแสงส่องผ่านได้ลดลง ผู้ใช้งานควรตัดสินว่าจะใช้แบบใดจากปัจจัยการขับรถของตนเองด้วย อาทิ ความเป็นส่วนตัว ช่วงเวลาที่ใช้งานรถยนต์เป็นประจำ กระนั้นต้องไม่มืดจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลมองไม่เห็นสิ่งที่ตัดหน้าเข้ามาแบบทันทีทันใดได้ เช่น หมาตัดหน้ารถ เป็นต้น
- ฟิล์ม 40 เปอร์เซ็นต์ มีค่าแสงส่องผ่านประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์
- ฟิล์ม 60 เปอร์เซ็นต์ มีค่าแสงส่องผ่านประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
- ฟิล์ม 80 เปอร์เซ็นต์ มีค่าแสงส่องผ่านประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์
ตามที่กล่าวไปเห็นได้ว่า ฟิล์มติดรถยนต์มีความสำคัญต่อการปกป้องอันตรายจากแสงแดดได้มากเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับค่าเปอร์เซ็นต์ของฟิล์มรถยนต์ อีกทั้งการใช้งานฟิล์มกรองแสงนับเป็นการถนอมรถยนต์รูปแบบหนึ่ง เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากดวงอาทิตย์มากจนเกินไป นอกจากฟิล์มติดรถยนต์เรื่องยางรถก็เป็นอีกประเด็นที่ผู้ขับควรใส่ใจเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพ โดยการเลือกซื้อยางรถที่มีเทคโนโลยีช่วยเสริมความปลอดภัยให้รถยนต์ของคุณ มีตัวเลือกครบ จบ ไม่ต้องเสียเวลาชีวิตเพิ่มเติม อย่างการสั่งซื้อยาง Pirelli by ATV ที่นอกจากได้ยางคุณภาพดี ยังมีการรับประกันยางกรณีบาด-บวม-แตก ที่สามารถเคลมฟรี 1 ปี หรือระยะทาง 25,000 กิโลเมตรโดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขของบริษัท สำหรับผู้สนใจยาง Pirelli สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่อินบอกซ์เฟซบุ๊ก m.me/PirellibyAsiatires